หุ้น MTC บวกพุ่ง 5.52% โชว์ผลงานดีกว่าคาด ตั้งสำรองลด ฟันกำไร 1.39 พันล.
หุ้น MTC บวกพุ่ง 5.52% โชว์ผลงานดีกว่าคาด ราคาเพิ่มขึ้น 2.50 บาท หรือราคาอยู่ที่ระดับ 47.75 บาท หลังผลประกอบการงบไตรมาส 1/67 ดีกว่าตลาดคาดการณ์ไว้ 4% ตั้งสำรองลดลง ทำกำไร 1.39 พันล้านบาท "โบรก" ให้เป้า TOP PICK ของกลุ่มฯ ราคาเป้าหมายที่ 51 บาท
ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยภาคเช้า ณ 8 พ.ค.2567 หุ้น MTC หรือ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) บวกขึ้นมา 5.52% หรือราคาเพิ่มขึ้น 2.50 บาท หรือราคาอยู่ที่ระดับ 47.75 บาท หลังจากที่ประกาศผลประกอบการงบไตรมาส 1/67 ดีกว่าตลาดคาดการณ์ไว้
ภาสกร หวังวิวัฒน์เจิรญ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส ให้ข้อมูลกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า MTC ประกาศงบออกมาทำได้ดีกว่าที่ตลาดมองไว้ ได้กำไรอยู่ที่ 1.39 พันล้านบาท เติบโตที่ 3% QoQ และ 30%YoY ซึ่งถือว่าสูงกว่าที่เราและตลาดคาดอยู่ที่ประมาณ 4% โดยหลัก ๆ มาจากทิศทางการตั้งสำรองที่ลดลง ซึ่งในเชิงคุณภาพสินทรัพย์สามารถควบคุมได้ หากเทียบ NPL กับ สินเชื่อ ลดลงอยู่ 3% เมื่อเทียบกับงวดที่แล้วอยู่ที่ 3.1% และระดับความพอเพียงขยับมาอยู่ที่ 121% เทียบกับไตรมาสที่แล้ว 116%
ทั้งนี้จึงมองว่า ภาพสินทรัพย์มีการพัฒนาการไปในทางที่ดีอย่างชัดเจน ขณะที่แนวโน้มครึ่งปีหลังเศรษฐกิจฐานรากรอการกระตุ้นจากการเบิกจ่ายงบประมาณจากภาครัฐเข้ามาเป็นปัจจัยหนุน
โดย MTC ยังคง OUTPERFORM ที่ 51 บาท และเลือกเป็น TOP PICK กลุ่มฯ จากคุณภาพสินทรัพย์มีพัฒนาการชัดเจนและคาดต่อเนื่อง ส่วน TIDLOR นั่น OUTPERFORM เช่นกัน เลือกเป็นอันดับ 2 อยู่ที่ 26 บาท
สำหรับ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2567 ยังคงขยายตัว งบการเงินสิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค. 2567 มีกำไร 1,389.37 ล้านบาท
ผลการดำเนินงานรวมสำหรับงวดสามเดือน สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.2567 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิรวม จำนวน 1,389 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน จำนวน 319 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 29.81
รายได้รวมสำหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค. 2567 จำนวน 6,630 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน จำนวน 1,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 17.76
ค่าใช้จ่ายในการบริการและบริหารสำหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค. 2567 จำนวน 2,630 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 278 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 11.82 โดยค่าใช้จ่ายหลักที่เพิ่มขึ้นเป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน อันเนื่องมาจากการขยายสาขาและบุคลากรประจำสาขา และค่าเสื่อมราคา
ต้นทุนทางการเงินสำหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค. 2567 จำนวน 1,130 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน จำนวน 283 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 33.4 1 อันเนื่องมาจากอันตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน
ขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นสำหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค. 2567 จำนวน 858 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน จำนวน 96 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 10.06
จำนวนสาขา ณ วันที่ 31 มี.ค. 2567 มี 7,788 สาขา เพิ่มขึ้น 251 สาขา จากวันที่ 31 ธ.ค.2566