คลังจ่อคืนชีพ LTF หวังเรียกเชื่อมั่นตลาดหุ้นไทยกลับมาคึกคัก
หลัง รมว.คลัง แย้มมีแผนนำกองทุน LTF กลับมา หวังกระตุ้นหุ้นไทยคึกคัก “ไพบูลย์” ชี้หากปัดฝุ่นนำ “TESG” สามารถทำได้เร็ว "บล.เอเซียพลัส” มองใช้เงื่อนไข LTF แต่เพิ่มรูปแบบการลงทุนหลากหลาย สร้างความน่าสนใจ เพิ่มวอลุ่มเทรด “บล.กสิกรไทย” ย้ำยังต้อรอความชัดเจนรอบนี้ก่อน
วานนี้ (7 พ.ค.) ภายหลังจากสหรัฐฯรายงานตัวเลข แรงงานเดือนเม.ย. 2567 แย่กว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ส่งผลให้ความคาดหวัง การลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปีนี้เพิ่มขึ้นมาอีกครั้ง จากเดิม 1 ครั้งเป็น 2 ครั้งในปีนี้ และทําให้ภาพของ Earning yield gap ของตลาดหุ้นทั่วโลกกลับมาฟื้นตัว
ประกอบกับมีแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่ โดยเฉพาะ DELTA ที่ปรับขึ้นกว่า 5% และ มีปัจจัยหนุนภายในจากการเห็นชอบมาตรการช่วยค่าครองชีพงวดใหม่ของที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นบวกต่อกำลังซื้อของประชาชน หนุนหุ้นค้าปลีก สื่อสาร ขนส่ง และที่สำคัญ
การเดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล พร้อมลุยงานวันแรกของ “พิชัย ชุณหวชิร” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังยอมรับว่า การนำกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) กลับมานั้น เป็นหนึ่งแผนที่ต้องการทำเพื่อกระตุ้นตลาดหุ้นไทยให้กลับมาคึกคัก
หนุนตลาดหุ้นไทยวานนี้ปิดตลาดบวก 6.54 จุด หรือ 0.47% อยู่ที่ 1,376.37 จุด ระหว่างวันเคลื่อนไหวสูงสูด 1,384.74 จุด (+14.82 จุด) และ ต่ำสุด 1,373.98 จุด (+4.06 จุด) มูลค่าซื้อขายรวม 11,734.25 ล้านบาท
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร นายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ตามที่ รมว.คลัง จะนำกองทุน LTF กลับมาตามแผนนั้น มองเป็นสิ่งที่ดีต่อตลาดหุ้นไทยกลับมาคึกคัก หากเริ่มทำในเวลาช่วงนี้มีความเหมาะสม เพราะว่า ราคาหุ้นไทยอยู่ในระดับต่ำ มีความน่าสนใจและมีโอกาสให้ผลตอบแทนดีตอบโจทย์สร้างเงินออมในระยะยาว
ทั้งนี้ ยังต้องรอความชัดเจนก่อนคาดว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคงมีการเข้าไปหารือกับรมว.คลังต่อไป ช่วงที่จะมีการทบทวนผลสำเร็จการจัดตั้งกองทุนไทยเพื่อความยั่งยืน หรือ TESG ในรอบ1 ปีที่ผ่านมา ยังระดมเงินลงทุนได้น้อยกว่าเป้าวางไว้ที่ 10,000 ล้านบาท
ส่วนตัวมองว่า เบื้องต้นหากเริ่มได้เร็วสามารถนำกองทุน TESG มาปรับเงื่อนไขลดหย่อยภาษี ขยายวงเงินและลดการถือครองให้เทียบกับกับกองทุน LTF เพราะที่ผ่านมา กองทุน TESG ระดมเงินทุนได้น้อยติดปัญหาเงื่อนไขดังกล่าวที่เป็นข้อจำกัดเท่านั้น ขณะที่กลุ่มหุ้นยั่งยืนหรือ ESG 100 ตัวแรก เป็นหุ้นพื้นฐานดี ตอบโจทย์เทรนด์การลงทุนยาวและยั่งยืน ปัจจุบันนักลงทุนรายย่อยและสถาบัน ส่วนใหญ่มีความสนใจลงทุนหุ้น ESG เพิ่มขึ้นอยู่แล้ว
“การฟื้นกองทุน LTF เป็นหนึ่งในแผนที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยกลับมาคึกคัก ทำให้ตลาดหุ้นไทยมีความน่าสนใจ ดึงเม็ดเงินลงทุนใหม่ในประเทศเพิ่มขึ้น เพราะปัจจุบันฟันด์โฟลว์อยู่ในระดับต่ำมาก ยังไม่ไหลกลับเข้าหุ้นไทย เพราะรอการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ชัดเจน ดังนั้นมองหุ้นไทยยังต้องอาศัยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระยะสั้นและยาวของรัฐ ทำควบคู่ไปด้วย”
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า การที่รมว.คลัง นำกองทุน LTF เป็นหนึ่งในแผนกระตุ้นตลาดหุ้นไทยกลับมาคึกคัก หากยังไม่ชัดเจนมองเป็นเซนทริเมนท์เชิงบวกระยะสั้นเท่านั้น เบื้องต้นมองว่า หากเงื่อนไขการลงทุนมีการปรับเงื่อนไข เหมือนกองทุน LTF เดิมแต่มีรูปแบบการลงทุนหลากหลายตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ไม่ว่าจะเป็นการลงทุน ESG หรือธีมการลงทุนอื่นๆ
ทำให้การลงทุนหุ้นไทยมีความน่าสนใจ และช่วยเพิ่มทางเลือกการลงทุนให้นักลงทุนระยะยาวมากขึ้น แน่นอนว่า ช่วยเพิ่มวอลุ่มการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยกลับมาเพิ่มขึ้นทันที ซึ่งเดิมกองทุน LTF ระดมทุน 50,000 ล้านบาทต่อปี แต่ปัจจุบันวอลุ่มในตลาดหุ้นไทยอยู่ในโซนเบาบางเกินไปไม่ถึง 50,000 ล้านบาทต่อวัน ยิ่งไม่มีน่าสนใจ
ดังนั้น ช่วงเวลาเช่นนี้มีความเหมาะสมและจำเป็นมากที่จะเดินหน้า ปัจจัยหนุนตลาดหุ้นไทย มีเพียงกำไรบจ.ไตรมาส 1 ปี 2567 คาดมีมูลค่ามากกว่า 2.5 แสนล้านบาท เติบโตแรงมากกว่าทั้งช่วงไตรมาสก่อนหน้า ไตรมาส 4 ปี 2566 อยู่ระดับต่ำกว่าปกติเพียง 1.76 แสนล้านบาทเท่านั้น และมากกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนที่ฐานต่ำ
นายรัฐศักดิ์ พิริยะอนนท์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า กรณีนำกองทุน LTF กลับมานั้น มองเป็นบวกต่อตลาดหุ้นไทย เพราะมีกองทุน LFT จะช่วยให้มีกระแสเงินลงทุนใหม่เข้ามาช่วย หนุน แต่ในประเด็นนี้มีการพูดถึงมานานแล้วและยังต้องรอความชัดเจนรอบนี้ก่อน
แต่อย่างไรก็ตามช่วงนี้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นต่างประเทศ จากสถานการณ์ดังกล่าวหนุนให้ราคาสินทรัพย์เสี่ยงรวมถึงดหุ้นไทยมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น และค่าเงินดอลลาร์พลิกมาเป็นด้านอ่อนค่า เงินบาทแข็งค่า เป็นจุดพลิกกลับเทรนด์สำคัญโดยเฉพาะในภาพใหญ่การลงทุน