บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล ชี้เป้ามาร์เก็ตแชร์สู่ท็อป 5 สู้ตลาดเทรดหด 46%
บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) ตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์ปีหน้าสู่ท็อป 5 ด้วยส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 5% เน้นเพิ่มวอลุ่มสถาบันสู้ตลาดเทรดหด 46% เน้นใช้คอนเน็กชั่นผู้ถือหุ้นใหญ่ฝั่งจีนดึงลูกค้ามากระตุ้นยอด เผยทั้งปีจะมีไอพีโอ 10 ดีล เข้าตลาดไปแล้ว 6 ดีลแต่ต้นปี
นายพัชระนนท์ ชีวเกรียงไกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัททรัพย์ (บล.) ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI เปิดแผนธุรกิจและกลยุทธ์ว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายในปีหน้า 2568 จะขยับขึ้นเป็นอันดับ 5 ของธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ของไทยด้วยระดับส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 5%
ทั้งนี้ปัจจุบัน บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) เป็นอันดับ 8 ของธุรกิจ มีส่วนแบ่งการตลาดราว 4.1% และคาดหวังเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดให้ได้อีก 1% ภายในปีหน้าเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว
โดยมุ่งหวังดึงนักลงทุนสถาบันเข้าเปิดบัญชีมากขึ้นทดแทนบัญชีนักลงทุนรายย่อยที่มียอดการซื้อขายเฉลี่ยลดลง ปัจจุบันบริษัทฯ มีลูกค้ารวมกันมากกว่า 1 แสนบัญชีเป็นสัดส่วนรายย่อย 65% และสถาบัน 35%
"ผมเชื่อตอนนี้ว่า 1 ใน 3 ของโบรกเกอร์ในตลาดที่อาศัยค่าคอมมิชชั่นขาดทุนหมดแล้ว เพราะตลาดหุ้นไทยไตรมาสแรกเทรดรวมลดลง 46% ซึ่งเราก็เผชิญสถานการณ์ไม่ต่างกัน ซึ่งถ้าเราเพิ่มสถาบันได้แค่นิดเดียววอลุ่มเราก็มากขึ้นเยอะแล้ว อีกข้อดีของลูกค้าสถาบันคือได้ค่าคอมมิชชั่นดีกว่ารายย่อยเล็กน้อย ซึ่งปัจจุบันค่าเฉลี่ยคอมิชชั่นในตลาด 0.08-0.09%" นายพัชระนนท์ ชีวเกรียงไกร กล่าว
แนวทางการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดจะมุ่งใช้ความได้เปรียบเชิงเครือข่ายในฐานะการมีผู้ถือหุ้นใหญ่คือ China Galaxy Securities จะช่วยสนับสนุนความแข็งแกร่งและเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างจีนกับอาเซียนด้วย
นอกจากนี้แผนการดำเนินธุรกิจในปี 2567 นี้ บริษัทฯยังคงมุ่งเน้นการให้บริการด้านธุรกิจวาณิชธนกิจ (IB) , ธุรกิจ กองทุนส่วนบุคคล (Private Fund), หุ้นกู้อนุพันธ์ (Structure note) และบริการการซื้อขายหุ้นในต่างประเทศ พร้อมกับการพัฒนาเทคโนโลยีการลงทุนที่ทันสมัย ตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุน เพื่อสร้างการเติบโต อย่างมั่นคง ตอกย้ำความเป็นบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย
"ปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้ามีดีลลูกค้าที่จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้ประชาชนทั่วไป (IPO) เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ไม่น้อยกว่า 10 บริษัท ซึ่งจากต้นปีจนถึงขณะนี้มีไอพีโอเข้าตลาดไปแล้ว 6 บริษัท ส่วนธุรกิจบริการซื้อขายหุ้นในต่างประเทศ จากความพร้อมด้านเทคโนโลยีและนักวิเคราะห์ผู้เชี่ยวชาญของกลุ่ม CGSI จะช่วยเพิ่มโอกาสและความสำเร็จให้ลูกค้าที่ใช้บริการซื้อขายหุ้นในต่างประเทศได้เป็นอย่างดี" นายพัชระนนท์ ชีวเกรียงไกร กล่าวทิ้งท้าย