BROOK จ้องขาย Digital Asset ไม่เกินหมื่นล้าน ผนึก บริษัทลาว ลุย Token Carbon Credit
บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป เปิดกำไร Q1/67 ที่ 683 ล้านบาท เพิ่ม 673% เทียบ Q1/66 ได้รับผลดีสินทรัพย์ที่ถือครองมูลค่ายุติธรรมพุ่ง พร้อมเผยแผนขายออกสินทรัพย์ดิจิทัลไม่เกินมูลค่า 1 หมื่นล้านบาท โดยรอผู้ถือหุ้น ไฟเขียว 26 ก.ค.67 อีกทั้งล่าสุดลงนาม 2 บริษัท สปป.ลาว ร่วมมือลุยโทเคนคาร์บอนเครดิต
นายชาญ บูลกุล กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BROOK แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า งบการเงินไตรมาสที่ 1 สิ้นสุด 31 มี.ค.2567 มีกำไรส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่เท่ากับ 683.87 ล้านบาท (กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.073 บาท) เพิ่มจากไตรมาส 1/2566 ที่มีกำไรส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่ 88.41 ล้านบาท (กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.009 บาท)
ผลการดำเนินงานรวมของบริษัท และบริษัทย่อยไตรมาสที่ 1 ปี 2567 กำไรเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 673.43 เมื่อเปรียบเทียบกับผลการดำเนินงานงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นผลสืบเนื่องจากสาเหตุใหญ่ๆ ได้แก่
รายได้รวมบริษัท และบริษัทย่อย มีรายได้รวมเป็น 768.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 171.66 ล้านบาท จำนวน 596.93 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 347.74 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งรายได้รวมนี้ได้รวมถึงกำไรการวัดมูลค่าสินทรัพย์ที่ยังไม่เกิดขึ้น (Unrealized gain from trading securities) ด้วยราคายุติธรรม ณ สิ้นงวด เพิ่มขึ้นจำนวน 298.72 ล้านบาท
นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อ 15 พ.ค.2567 ได้อนุมัติพิจารณาอนุมัติการทำรายการจำหน่ายสินค้าคงเหลือสินทรัพย์ดิจิทัล มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 1 หมื่นล้านบาท เพื่อความคล่องตัวในการบริหารจัดการและการจัดสรรสินทรัพย์ (Asset Allocation) ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม บริษัทต้องมีการจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติแผนการจำหน่ายสินทรัพย์นี้ด้วย กำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1 / 2567 ในวันที่ 26 ก.ค.2567 เวลา 14.00 น. โดยเป็นการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
ด้าน นายวริศ บูลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายที่ปรึกษาวาณิชธนกิจ และกรรมการผู้จัดการฝ่ายสินทรัพย์ดิจิทัล BROOK เปิดเผยเพิ่มเติมว่า "ผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นยังไม่รวมมูลค่าสินทรัพย์ดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นบางส่วนที่ยังไม่สามารถรับรู้เป็นกำไรทางบัญชีอีก 760 ล้านบาท โดยมีรายได้จาก โปรเจกต์เหรียญ ICO ต่างๆ ที่ได้รับจากบริการ Launch pool ของ Binance Global และผลตอบแทนจากมูลค่าที่เพิ่มขึ้นในกองทุน Venture Capital"
สำหรับแผนงานในปี 2567 บริษัทให้ความสำคัญกับตลาดคริปโทเคอร์เรนซี ที่เห็นว่ายังมีแนวโน้ม และทิศทางที่ดี ตลอดจนพัฒนาต่อยอดและหาเครื่องมือ AI ที่เหมาะสมกับคนไทยและธุรกิจไทย ปรับ UX/UI เพื่อใช้งานง่ายขึ้นและช่วยให้เกิดการใช้งานในวงกว้างภายในประเทศไทย
ล่าสุดบริษัท มีแผนที่จะเพิ่มการลงทุนในธุรกิจ Carbon Credit โดยกำลังอยู่ในขั้นตอนเจรจา และเตรียมจัดตั้งบริษัทร่วมทุน (Joint Venture Company) กับพันธมิตรในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ภายหลังที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท อนุมัติให้บริษัท ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding - MOU) ระหว่างบริษัท CHALEUN SEKONG CARBON COMPANY LIMITED และ SENDEE PHANA COMPANY LIMITED
ซึ่งทั้ง 2 บริษัทจัดตั้งขึ้นในประเทศลาว (สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว: สปป.ลาว) เพื่อนำไปสู่การสร้าง Carbon Credit Blockchain Ecosystem ผ่านการใช้เทคโนโลยี Web3 เพื่อสร้างความยั่งยืน (Sustainable Ecosystem) ในรูปแบบ Global Scale มีเป้าหมายที่จะผลักดันให้บริษัททั่วโลกใส่ใจในสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น และเตรียมปรับแนวทางธุรกิจให้การปล่อยก๊าซ Co2 เป็น Net Zero เพื่อสอดรับกับแนวคิดของ ESG ในอนาคต
ทั้งนี้ บริษัท อยู่ระหว่างการศึกษา และพิจารณาเพื่อปรับสัดส่วนของสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีอยู่ตามความเหมาะสมเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของบริษัท และผู้ถือหุ้น โดยจะมีงบประมาณต่อยอดธุรกิจที่ปรึกษาครบวงจร และงบประมาณในการพัฒนาธุรกิจ Blockchain ใน Web 3.0
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์