PCC มอง Q2/67 รับรู้รายได้แบบจัดเต็ม คาดงบดีกว่า Q1 มีงานในมือ 3.8 พันล้าน
บมจ. พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น (PCC) มอง Q2/67 รับรู้รายได้มากขึ้น คาดงบมีแววรายได้ดีกว่า Q1/67 ที่ทำได้ 1,203 ล้านบาท โดยมีงานในมือตุนแล้ว 3.8 พันล้านบาท พร้อมคงเป้ารายได้ทั้งปีโต 10% ส่วนงบลงทุนสำหรับปี 2567 ตั้งไว้ประมาณ 137 ล้านบาท เน้นลงทุนในเครื่องจักรและอุปกรณ์
นายอมร แดงโชติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (PCC) เปิดเผยกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/2567 คาดจะดีขึ้นจากไตรมาส 1/2567 ที่มีรายได้ 1,203 ล้านบาท เนื่องจากงานบริการและก่อสร้างส่วนมากจะทยอยส่งมอบและรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป
PCC ประกอบธุรกิจโดยการเข้าถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจหลัก 3 ธุรกิจ ดังนี้ 1) ธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ในระบบจำหน่ายไฟฟ้า 2) ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างสถานีไฟฟ้าแรงสูงและสายส่งไฟฟ้าแรงสูง 3) ธุรกิจลงทุนผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน
งานในมือ (Backlog) ณ วันที่ 31 มี.ค. 2567 มีมูลค่าทั้งสิ้น 3,854 ล้านบาท ประเมินรับรู้รายได้ในปี 2567 นี้ จำนวนรวม 3,059 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทฯ จะยังมีงานที่เข้ามาในแต่ละไตรมาสแบบทดแทนคำสั่งซื้อเดิม (Rolling Purchase Order)
บริษัทฯ คงเป้าหมายรวมทั้งปีในแง่การเติบโตรายได้เท่ากับ 10% จากปีก่อนที่ทำได้ 4,630 ล้านบาท จำแนกเป็นสัดส่วนรายได้การขายประมาณ 60% และรายได้จากการบริการ-การก่อสร้าง 40%
ทั้งนี้ บริษัทฯ มองเห็นศักยภาพในการเติบโตจากอุตสาหกรรมไฟฟ้าระบบ Smart Grid หรือระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ ที่นำเทคโนโลยีหลากหลายประเภทเข้ามาทำงานร่วมกัน ทำให้ระบบไฟฟ้ามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยในปัจจุบันจำนวนยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่เพิ่มมากขึ้น จากนโยบายสนับสนุนจากทางภาครัฐบาล
อีกทั้งบริษัทฯ ได้ขยายการดำเนินธุรกิจไปสู่ Bamboo-Based Innovative Products และ Digitalization and Automation Solutions โดยล่าสุด PCC ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเพื่อผลักดันให้เกิดการนำผลงานวิจัยหรือผลิตภัณฑ์จากงานวิจัยที่เกิดจากความร่วมมือนี้ไปสู่การใช้ประโยชน์ทั้งเชิงพาณิชย์ เชิงนโยบาย และเชิงสาธารณะ
ส่วนงบประมาณเพื่อการลงทุนสำหรับปี 2567 ตั้งไว้ราว 137 ล้านบาท เน้นลงทุนในเครื่องจักรและอุปกรณ์
"ไตรมาส 2 นี้บริษัทจะเติบโตต่อไป เพราะเป็นช่วงที่รับรู้งานเข้ามามากขึ้น ส่วนงานในตลาดก็ยังคงมีมากอยู่ ตามแผนสมาร์ตกริดของประเทศตั้งแต่ปี 2558 ไปจนถึงปี 2579 งบทุนทั้งหมดประมาณ 1.8 แสนล้านบาท คาดตอนนี้น่าจะเหลืองบลงทุนอีกราว 1 แสนกว่าล้านบาท ที่น่าจะเน้นให้ความสำคัญด้านการบริหารจัดการซึ่งจะถือเป็นโอกาสของเราในระยะยาว" นายอมร แดงโชติ กล่าว