WHA จ่อปิดดีลลูกค้ารายใหญ่ รับสัญญาณจีน ย้ายฐานผลิตซบไทย
WHA มั่นใจปีนี้รายได้ทำ “ออลไทม์ไฮ” โตไม่ต่ำ 10% หลังไตรมาส 1 งบพุ่งแรง อานิสงส์ “4 กลุ่มธุรกิจ” หนุน เผยจ่อปิดดีล “ลูกค้ารายใหญ่” ก.ค. นี้ ส่งซิกปรับเป้า “ยอดขายที่ดิน” ปีนี้ทะลุ 2,275 ไร่ ขานรับสัญญาณจีนย้ายฐานผลิตซบไทยชัดเจน เดินหน้าตามแผน 5 ปี ดันรายได้แตะ 2.7 หมื่นล้าน
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการปี 2567 คาดทำจุดสูงสุดใหม่ (ออลไทม์ไฮ) ต่อเนื่องจากปีก่อน โดยบริษัทตั้งเป้าปีนี้รายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% และยังคงเดินหน้าพัฒนาโซลูชั่นทางธุรกิจและอุตสาหกรรม เพื่อเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย เพื่อเป็นการดึงดูดการลงทุนใหม่ๆ และร่วมสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้ประเทศไทยไปด้วย
สอดคล้องกับไตรมาส 1 ปี 2567 ที่ผ่านมา ที่ผลการดำเนินงานเติบโตโดดเด่นทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจ และแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2567 ยังจะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 1 ปี 2567 และเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน สะท้อนผ่านในไตรมาส 1 ปี 2567 มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรทั้งสิ้น 3,930 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61% และมีกำไรสุทธิ 1,365 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 161% ตามลำดับ ขณะที่รายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ 3,776 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56% และกำไรปกติ 1,284 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 154% เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
นางสาวจรีพร กล่าวต่อว่า สำหรับธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมปัจจุบันบริษัทกำลังเจรจากับกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ ซึ่งคาดว่าจะปิดดีลได้ภายในเดือนมิ.ย.-ก.ค. 2567 นี้ หลังจากนั้นบริษัทจะมีการทบทวนพิจารณาปรับเพิ่มเป้ายอดขายที่ดินในครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งปัจจุบันบริษัทยังคงเป้ายอดขายที่ดินปีนี้อยู่ที่ 2,275 ไร่ แบ่งเป็นในประเทศ 1,650 ไร่ และ ในประเทศเวียดนาม 625 ไร่
“เนื่องจากปัจจุบันเราพบเห็นสัญญาณของการย้ายฐานการลงทุน โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าจีนในเชิงบวกต่อเนื่อง อีกหลายปีนี้มีปัจจัยทั้งจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และนโยบายภาษีของสหรัฐ ดังนั้น ส่งผลให้ลูกค้าจีนมีการย้ายฐานการผลิตมากขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่ออุปสงค์ที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมจะมีความแข็งแกร่งในระยะต่อไป โดยปัจจุบันลูกค้าจีนจะมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่่มขึ้นมากที่สุด มีสัดส่วน 20% เป็นอันดับสอง รองจากลูกค้าญี่ปุ่น 28% และอันดับสาม ลูกค้าไทย 15% ของพอร์ตรวม”
ด้านธุรกิจโลจิสติกส์ มีสินทรัพย์ที่บริษัทเป็นเจ้าของ และอยู่ภายใต้การบริหารรวม 2,960,056 ตารางเมตร โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้าโครงการใหม่ และเพิ่มพื้นที่ปล่อยเช่าสุทธิ 200,000 ตารางเมตร ซึ่งจะทำให้สินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นเป็น 3,145,000 ตารางเมตร นอกจากนี้ บริษัทมีแผนขายสินทรัพย์เข้ากองทุน (Asset Monetization) จำนวน 213,000 ตารางเมตร
ส่วนธุรกิจสาธารณูปโภค ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายการขายน้ำ และปริมาณการจัดการไว้ที่ 178 ล้านลูกบาศก์เมตร จากสิ้นปี 2566 ที่อยู่ 155 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็นการเติบโตตามอุปสงค์ยอดขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกันทางด้านธุรกิจไฟฟ้า บริษัทมีแผนจะเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) เพิ่มเป็น 1,000 เมกะวัตต์ จากเดิม 858 เมกะวัตต์ ในปี 2566 บริษัทยังมีความสนใจลงทุนทางด้านพลังงานในประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาเพิ่มเติม
และธุรกิจดิจิทัล บริษัทเดินหน้ายกระดับองค์กรในทุกมิติเพื่อก้าวสู่การเป็น Technology Company ในปี 2567 นี้ โดยมุ่งเน้นโครงการทรานสฟอร์มธุรกิจสู่ดิจิทัล การสร้างผลิตภัณฑ์ และ มูลค่าเพิ่มใหม่ๆ พร้อมเสริมศักยภาพทางธุรกิจของบริษัท เช่น โครงการ Green Logistics ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา WHA Green Mobility Platform (W-GMP) บริษัทคาดว่าจะสามารถเปิดตัวแพลตฟอร์ม W-GMP ได้ภายในไตรมาส 2 ปี 2567 นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาโครงการ AI Transformation ที่เน้นการนำเทคโนโลยี AI มาขับเคลื่อนองค์กร
พร้อมกับยังคงเดินหน้าตามแผน 5 ปี (2567-2571) บริษัทตั้งเป้าหมายมีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรในปี 2571 ที่ 27,900 ล้านบาท หรือ เติบโต 1.6 เท่า จากปี 2566 ที่อยู่ 17,003 ล้านบาท และ EBITDA มากกว่า 40% และวางงบลงทุนที่ 78,700 ล้านบาท แบ่งเป็น ธุรกิจโลจิสติกส์ ประมาณ 21,000 ล้านบาท , ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ประมาณ 33,000 ล้านบาท , ธุรกิจสาธารณูปโภค และธุรกิจไฟฟ้า ประมาณ 21,200 ล้านบาท และ ธุรกิจดิจิทัล ประมาณ 3,500 ล้านบาท และคุม IBD/Equity Ratio ไม่เกิน 1.2 เท่า