ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา ซื้อหุ้น KLINIQ เพิ่ม ราคา 40.50 บาท ขยับสัดส่วนเกิน 5%

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รับรายงานการได้มา หุ้นของ บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ KLINIQ โดย ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา
 

ทั้งนี้เป็นการได้มา เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 2567 โดยเป็นการซื้อในตลาดหลักทรัพย์ผ่าน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด

จำนวนหลักทรัพย์ที่ได้มา 75,000 หน่วย คิดเป็น 0.0340% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ
จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการได้มา 10,795,082 หน่วย คิดเป็น 4.9068% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ

จำนวนหลักทรัพย์ที่ได้มาของกลุ่ม (รวมกับภรรยา : นางวราณี เสรีวิวัฒนา) รวมเป็น 11,009,782 หน่วย คิดเป็น 5.0044% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ

อนึ่ง ตามแบบรายงานระบุว่าราคาสูงสุดที่ผู้มีหน้าที่รายงานหรือบุคคลในกลุ่ม-ได้มาซึ่งหลักทรัพย์ในช่วง 90 วันที่ผ่านมา (ให้วันที่กระทำการรายงานในครั้งนี้เป็นวันแรก) อยู่ที่ 40.50 บาทต่อหน่วย เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 2567

10 อันดับผู้ถือหุ้นใหญ่ KLINIQ ก่อนการแจ้งรายงาน ภาพรวมข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 11 เม.ย. 2567 ประเภท : XD เป็นดังนี้

1) นายแพทย์ อภิรุจ ทองวัฒน์ ถือครอง 72,000,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 32.73

2) บริษัท ทีเคคิวเอช แคปปิตอล แมนเนจเมนท์ จำกัด ถือครอง 24,000,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 10.91

3) นาง พจนันท์ ศรีอภัย ถือครอง 19,950,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 9.07

4) นาย รัฐพล กิตติชัยตระกูล ถือครอง 13,885,091 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 6.315) บริษัท เอกชัยการแพทย์ จำกัด (มหาชน) ถือครอง 11,000,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 5.00

6) นาย ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา ถือครอง 10,720,082 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 4.87

7) นาย จีรเดช จงวัฒนาศิลป์กุล ถือครอง 6,006,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 2.73

8) น.ส. รวิสรา งามรุ่งศิริ ถือครอง 3,582,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 1.63

9) นาย พีรนาถ โชควัฒนา ถือครอง 2,530,861 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 1.15

10) บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด ถือครอง 2,506,367 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 1.14

หมายเหตุ : ข้อมูลล่าสุดผู้ถือหุ้นลำดับที่ 5 บริษัท เอกชัยการแพทย์ จำกัด (มหาชน) ได้แจ้งการขายหุ้น KLINIQ ออกมาทั้งหมดแล้ว เมื่อ 24 พ.ค. 2567 กระจายให้นักลงทุนหลายราย โดย 2 ใน 9 รายชื่อผู้ซื้อคือ ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา และยังมีชื่อ นางพิชญ์สินี เสรีวิวัฒนา (บุตรสาว) ดังนั้นกลุ่ม "เสรีวิวัฒนา" จึงย่อมถือครองหุ้นมากกว่าสัดส่วน 5.0044% แล้ว