เปิดพอร์ตผู้บริหาร 7 หุ้นนางฟ้า ถือหุ้นบริษัทตัวเองเท่าไหร่บ้าง ?
เปิดพอร์ต 7 ผู้บริหารของ “7 หุ้นนางฟ้า” ฉายา Magnificent ว่าถือหุ้นของบริษัทตัวเองมากน้อยแค่ไหน? พบ “มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก” ถือหุ้นบริษัทตัวเองมากสุดกว่า 1.66 แสนล้านดอลลาร์
หุ้น 7 นางฟ้า ฉายา Magnificent 7 คือกลุ่มบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ระดับโลกที่มีมูลค่ารวมกันคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 25% ของดัชนี S&P 500 ปัจจุบันบริษัทบางแห่งยังคงอยู่ภายใต้การบริหารของผู้ก่อตั้ง ขณะที่บางแห่งมีผู้บริหารรุ่นใหม่เข้ามาดูแลแทน
วันนี้กรุงเทพธุรกิจชวนเปิดพอร์ตเหล่าซีอีโอทั้ง 7 บริษัทว่ามีการถือครองหุ้นของบริษัทตัวเองมากน้อยแค่ไหน รวมถึงจำนวนการถือหุ้นของคณะกรรมการบริหาร ซึ่งสะท้อนว่าคณะกรรมการบริหารของบริษัทมีความมุ่งมั่นแค่ไหนที่จะทำให้บริษัทประสบความสำเร็จ หรือเชื่อมั่นในอนาคตของบริษัทแค่ไหน ซึ่งเป็นข้อมูลตามเอกสารที่เผยแพร่ต่อผู็ถือหุ้นของบริษัทในไตรมาสล่าสุด โดยราคาหุ้นเป็นข้อมูล ณ วันที่ 30 พ.ค.2567
หลังจากที่ข้อมูลจากบลูมเบิร์กชี้ว่า ตั้งแต่ปลายปี 2566 มีผู้บริหารระดับสูงและกรรมการนับสิบคนของบริษัทเหล่านี้ได้เพิ่มปริมาณการขายหุ้น อย่าง “เจฟฟ์ เบโซส” (Jeff Bezos) ซีอีโอคนก่อนของ Amazon.com และ “มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก” (Mark Zuckerberg) ซีอีโอของ Meta บริษัทแม่ของ Facebook ใช้โอกาสนี้ในการ“ขายหุ้น”ของบริษัทตัวเอง ซึ่งถือว่ามากที่สุดในรอบหลายปี โดยสามารถทำกำไรไปแล้วกว่า 160 ล้านดอลลาร์ (เกือบ 6,000 ล้านบาท) ที่น่าสังเกตคือ บางคนไม่ได้ขายหุ้นเลยเป็นเวลานานถึง 9 ปี แต่กลับมาขายอย่างคึกคักในปีนี้
1.Microsoft (MSFT)
“สัตยา นาเดลลา” ซีอีโอไมโครซอฟท์ ถือครองหุ้น MSFT จำนวน 800,667 หุ้น มีมูลค่าประมาณ 345 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1.2 หมื่นล้านบาท และคิดเป็น 10% ของหุ้นทั้งหมด 7.95 พันล้านหุ้น
ไมโครซอฟท์ แต่งตั้งสัตยา นาเดลลา เป็น CEO ในเดือนกุมภาพันธ์ 2557 ทำให้เขาเป็นคนที่สามที่ได้บริหารบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านซอฟต์แวร์ต่อจาก สตีฟ บอลเมอร์และ บิล เกตส์ ผู้ร่วมก่อตั้ง ซึ่งภายใต้การนำทัพของ สัตยา นาเดลลา นั้นไมโครซอฟท์ได้ขยายธุรกิจคลาวด์ คอมพิวติ้ง และวางตัวเองให้ได้ประโยชน์จากการเติบโตของ AI ปัญญาประดิษฐ์
- จำนวนหุ้นที่ถือครอง: 800,667 หุ้น มูลค่า 1.27 หมื่นล้านบาท
- การถือหุ้นของคณะกรรมการบริหาร/กรรมการทั้งหมดของบริษัท: 2.5 ล้านหุ้น
- ราคาหุ้น: 418.36 ดอลลาร์
2. Apple (AAPL)
“ทิม คุก” ซีอีโอของบริษัท แอปเปิ้ล อิงค์ ถือครองหุ้น AAPL จำนวน 3.28 ล้านหุ้น ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 620 ล้านดอลลาร์ หรือราว 2.2 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 0.0214% ของหุ้นทั้งหมด 15,337.69 ล้านหุ้น
ทิม คุก เข้ารับตำแหน่งต่อจาก สตีฟ จ็อบส์ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท ในเดือนสิงหาคม 2554 หลังจากดำรงตำแหน่งประธานฝ่ายปฏิบัติการมาก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์บางคนตั้งคำถามว่า ทิม คุก จะมีคุณสมบัติพอที่จะบริหาร Apple ต่อจากผู้นำที่มีผู้มีวิสัยทัศน์อย่างสตีฟ จ็อบส์หรือไม่ แต่ทิม คุก ก็สามารถช่วยผลักดันให้บริษัทประสบความสำเร็จไปอีกขั้น
- จำนวนหุ้นที่ซีอีโอถือครอง : 3.28 ล้านหุ้น มูลค่า 2.2 หมื่นล้านบาท
- จำนวนหุ้นของคณะกรรมการทั้งหมดของบริษัท: 9.67 ล้านหุ้น
- ราคาหุ้น: 191.49 ดอลลาร์
3. Nvidia (NVDA)
“เจนเซน หวง” ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO ของบริษัทผู้ผลิตชิปยักษ์ใหญ่ อินวิเดีย(Nvidia) ถือครองหุ้น NVDA จำนวน 93.5 ล้านหุ้น มีมูลค่าประมาณ 9 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือราว 3.3 ล้านล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 1.83% จากทั้งหมด 5,100 ล้านหุ้น
Nvidia ก่อตั้งบริษัทขึ้นในปี 2536 ด้วยการเป็นผู้ผลิตชิปประมวลผลกราฟิก (GPU) ความละเอียดสูงและสามารถนำมาพัฒนาต่อใช้สำหรับวงการ AI ได้ด้วย บริษัทจึงได้รับประโยชน์สูงสุดในช่วงขาขึ้นของปัญญาประดิษฐ์ จนมูลค่าบริษัททะยาน 2.72 ล้านล้านดอลลาร์และกลายเป็น "หุ้นเทคแห่งปี”ไปในที่สุด
- จำนวนหุ้นที่ซีอีโอถือครอง: 93.5 ล้านหุ้น มูลค่า 3.3 ล้านล้านบาท
- จำนวนหุ้นของคณะกรรมการทั้งหมดของบริษัท: 104.3 ล้านหุ้น
- ราคาหุ้น: 1,135.85 ดอลลาร์
4.Alphabet (GOOGL)
“ซุนดาร์ พิชัย” ซีอีโอคนปัจจุบันของบริษัทอัลฟาเบท (Alphabet) ถือหุ้น GOOGL Class A จำนวน 227,560 หุ้น คิดเป็นมูลค่าประมาณ 40 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1.4 พันล้านบาท คิดเป็น 3.97% จากทั้งหมด 5.7 พันล้านหุ้น นอกจากนี้ยังถือหุ้น Class C ซึ่งมีมูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามรายงานของ Bloomberg
Alphabet บริษัทแม่ของ Google มีโครงสร้างที่ออกแบบมาเพื่อให้ Larry Page และ Sergey Brin ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท ยังคงรักษา อำนาจควบคุม ในการตัดสินใจสำคัญของบริษัท แม้ว่าจะไม่ได้ดำรงตำแหน่ง CEO ของ Alphabet แล้วก็ตาม
- จำนวนหุ้นที่ซีอีโอถือครอง: หุ้น Class A จำนวน 227,560 หุ้น รวมมูลค่า 1.4 พันล้านบาท
- จำนวนหุ้นของคณะกรรมการทั้งหมดของบริษัท: หุ้น Class A จำนวน 4.3 ล้านหุ้น และหุ้น Class B จำนวน 774.9 ล้านหุ้
- ราคาหุ้น: 172.74 ดอลลาร์
5. Amazon (AMZN)
“แอนดี้ แจสซี่” CEO ของ อเมซอน(Amazon) ถือหุ้น AMZN จำนวน 2.1 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าประมาณ 385 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1.4 พันล้านบาท คิดเป็น 0.021% ของทั้งหมด 1 หมื่นล้านหุ้น
อย่างไรก็ดี“เจฟฟ์ เบโซส์”ผู้ก่อตั้ง Amazon ยังคงถือหุ้นมากกว่า 10% แม้ว่า Andy Jassy จะเข้ารับตำแหน่ง CEO ต่อจากเบโซส์ในปี 2021 หลังจากที่ Jassy ดำรงตำแหน่งบริหารธุรกิจคลาวด์ คอมพิวติ้งของบริษัทตั้งแต่ปี 2016
- จำนวนหุ้นที่ซีอีโอถือครอง: 2.1 ล้านหุ้น มูลค่า 385 ล้านดอลลาร์
- จำนวนหุ้นของคณะกรรมการทั้งหมดของบริษัท: 1.13 พันล้านหุ้น
- ราคาหุ้น: 179.41 ดอลลาร์
6. Meta Platforms (META)
“มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก” ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทเมตา (Meta Platforms) ถือหุ้น META ใน Class A จำนวน 958,000 หุ้น และ Class B จำนวน 344.5 ล้านหุ้น ซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สินรวม 1.66 แสนล้านดอลลาร์ หรือราว 5.8 ล้านล้านบาท คิดเป็น 15.76% ของทั้งหมด 2.19 พันล้านหุ้น
ซักเคอร์เบิร์ก ผู้กุมบังเหียน Meta ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Facebook และมีอำนาจในการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ทั้งหมด รวมทั้งยังคงควบคุมเสียงโหวตส่วนใหญ่ในบริษัทผ่าน หุ้นพิเศษ ประเภทหนึ่ง
- จำนวนหุ้นที่ซีอีโอถือครอง: Class A จำนวน 958,000 หุ้น และ Class B จำนวน 344.5 ล้านหุ้น ซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สินรวม 1.66 แสนล้านดอลลาร์
- จำนวนหุ้นของคณะกรรมการทั้งหมดของบริษัท: Class A จำนวน 3.3 ล้านหุ้น
- ราคาหุ้น: 468.83 ดอลลาร์
7. Tesla (TSLA)
“อีลอน มัสก์” CEO ของเทสลา(Tesla) ถือหุ้น TSLA จำนวน 715.0 ล้านหุ้น มีมูลค่า 1.25 แสนล้านดอลลาร์ หรือมีมูลค่า 4.5 ล้านล้านบาท คิดเป็น 22.41% ของทั้งหมด 3.19 พันล้านหุ้น
แม้ว่าปัจจุบันหุ้นของบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเทสลามีมูลค่าร่วงลงมากกว่า 20% แต่อีลอน มัสก์ ยังมีส่วนร่วมในธุรกิจอื่นๆอีกหลายแห่ง รวมถึง SpaceX และ X ซึ่งเดิมทีรู้จักกันในชื่อ Twitter
- จำนวนหุ้นที่ซีอีโอถือครอง: 715.0 ล้านหุ้น คิดเป็น 1.25 แสนล้านดอลลาร์
- จำนวนหุ้นของคณะกรรมการทั้งหมดของบริษัท: 725.4 ล้านหุ้น
- ราคาหุ้น: 179.41 ดอลลาร์