ลิสต์หุ้นธีม “Cover Short” หลังกระหน่ำ ‘ชอร์ต’ พ.ค.แสนล้าน
ตลาดหุ้นไทยตลอดเดือนพ.ค. 2567 กลายเป็นเดือนที่ยังปรับตัวลงต่อจากดัชนีส่งท้ายหลุด 1,350 จุด ปิดที่ 1,345.66 จุด (31 พ.ค.) จากสิ้นเดือนเม.ย. ที่ 1,367.95 จุด (30 เม.ย.)หรือลดลง 1.62 % ท่ามกลางภาวะตลาดที่ซึมลงต่อเนื่อง
อ้างอิงตามสถิติตลาดหุ้นมักจะเกิดเหตุการณ์ Sell in May หรือการปรับ เปลี่ยนพอร์ตลงทุนด้วยการลดน้ำหนักลงทุน ในหลายตลาดซึ่งตลาดหุ้นไทยเป็นหนึ่งในนั้น ซึ่งมีทั้งปัจจัยตอบรับผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2567 และสอดคล้องกับการรับเงินปันผล รวมทั้งการปรับน้ำหนักลงทุนตามดัชนีอ้างอิง
ดัชนี MSCI Rebalance ได้ประกาศออกมาแล้วว่า 'Global Standard' ไม่มีหุ้นเข้า ส่วนหุ้นออก BTS- LH และ MTC ขณะที่ 'Global Small Cap' หุ้นเข้า BTS- JAS- LH และ MTC ส่วนหุ้นออก BLAND - DITTO -FORTH- KSL- MAJOR- PSL- SGP- SPCG และ WHAUP ส่งผลทำให้หุ้นหลายตัวมีแรงเทขายอย่างหนัก
เช่น LH ราคาหุ้นเผชิญแรงขายจนหลุด 7.00 บาท และลงมาทำราคาต่ำสุดในรอบ 3 ปี 3 เดือนที่ 6.40 บาท (4 มิ.ย.) แม้จะเป็นหุ้นที่ขึ้นแท่นปันผลดีและสูงต่อเนื่องแต่สถานการณ์ธุรกิจอสังหาฯ ยอดขายกระทบ-ลูกค้าโดนปฎิเสธสินเชื่อและหนี้เสียพุ่งทำให้มีผลกระทบรายได้และกำไรไตรมาส 1ปี 2567 ต่ำกว่าคาด
รวมทั้งหุ้น BTS ที่ราคาหุ้นต่ำสุดในรอบกว่า 11 ปี ราคาหุ้นที่ 4.60 บาท (4 มิ.ย.) มีการตอบรับข่าวงบปี 2566/2567 ขาดทุนสุทธิ 5,241 ล้านบาท ด้อยค่าและจำหน่ายเงินลงทุน KEX ขาดทุนจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม (ส่วนใหญ่มาจากแรบบิท โฮลดิ้งส์1 ควบคู่กับส่วนแบ่งขาดทุนที่เพิ่มขึ้นจากเงินลงทุนใน KEX)
นอกจากนี้เตรียมขออนุมัติเพิ่มทุน 650 ล้านหุ้น แบบเฉพาะเจาะจง (Private Placement) ซึ่งจะมีการขอมติผู้ถือหุ้นวันที่ 25 ก.ค. 2567 ส่งผลทำให้เกิดความกังวลว่าเป็นราคาเสนอขายต่ำกว่าราคาในกระดาน เป็นต้น
บวกกับปัจจัยกดดันทางเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวช้ากว่าเพื่อบ้านในช่วงไตรมาส 1 ปี 2567 และยังไม่มีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจนออกมาท่ามกลางความหวังกับรัฐบาลชุดนี้จึงเห็นแรงขายหุ้นรายตัวผสมการขายชอร์ตกดดันดัชนี
ปริมาณการขายชอร์ตเพิ่มขึ้นชัดเจนในเดือนพ.ค. มีมูลค่าแตะ 110,270.84 ล้านบาท หรือคิดเป็น 12 % เทียบกับมูลค่าซื้อขายรวม จากเดือนเม.ย. ที่ 97,738.32 ล้านบาท หรือ 11.88 % และ เดือนมี.ค. ที่ 92,734.69 ล้านบาท หรือคิดเป็น 10.16 %
เฉพาะเดือนพ.ค. ต่างชาติยังมีฐานะขายสุทธิ 16,747.07 ล้านบาท สวนทางกับนักลงทุนกลุ่มอื่นที่ซื้อสุทธิ และยังเป็นต่างชาติที่มียอดขายสุทธิหุ้นไทยตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันมากสุดด้วยตัวเลขถึง 82,159.62 ล้านบาท
การขายชอร์ตที่เพิ่มขึ้นย่อมต้องมีการ ซื้อหุ้นกลับ หรือ Cover Short ตามมา ภายใต้ปัจจัยพื้นฐานที่ฟื้นตัว มีปัจจัยเฉพาะบริษัทที่หนุนรายได้-กำไร รวมไปถึงนโยบายภาครัฐที่เอื้อต่อกลุ่มอุตสาหกรรม เป็นต้น
“ธนรัตน์ อิศรกุล “ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)บัวหลวง จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงธีมลงทุนกรณีขายชอร์ตเดือนพ.ค. ที่เพิ่มขึ้นจากก่อนประกาศหุ้น MSCI มูลค่าขายชอร์ตที่ 20,000 ล้านบาทขยับเพิ่มขึ้นอีก 30,000 ล้านบาท ช่วงสัปดาห์สุดท้าย ดังนั้นโอกาส Cover Short จึงมีสูงขึ้นส่วนจะปริมาณมากแค่ไหนขึ้นอยู่กับแนวโน้มการฟื้นตัสของตลาดหุ้น กำไรไตรมาส 2 ปี 2567 กลับมาฟื้นตัว และประเด็นบวกเฉพาะบริษัท
กลุ่มหุ้นที่หากถูก cover short และจะมีแรงซื้อมหาศาล จากหุ้นที่ถูกขายชอร์ตมากที่สุดคือ MINT -AWC-AOT-BEM-BTS-GLOBAL-DELTA-GPSC-GULF และ MTC มีหุ้นที่น่าสนใจคือ MINT- AWC –AOT เป็นต้น
อีกกลุ่มหุ้นถูก short ต่อเนื่องแต่มีลุ้น cover short สูงจากปัจจัยพื้นฐาน ประกอบไปด้วย CPALL-CPN-BEM-CK-GPSC และ MINT