หุ้น AOT ร่วงกว่า 5.39% เหตุเรียกคืนพื้นที่ 'คิง เพาเวอร์' เริ่ม ก.ค.นี้ รายได้หาย 93 ล้านต่อเดือน
หุ้น AOT ร่วงกว่า 5.39% เหตุเรียกคืนพื้นที่ 'คิง เพาเวอร์' เริ่ม ก.ค.นี้ รายได้หาย 93 ล้านบาทต่อเดือน "นักวิเคราะห์" หั่น EPS ลดลงปีนี้ 1% ปีหน้าอีก 3.3%
ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยภาคเช้า ณ วันที่ 24 มิ.ย.2567 เวลา 10.05 น. หุ้น AOT หรือ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ราคาร่วงลงมาเช้านี้ที่ 5.39% หรือราคาลดลง 3.25 บาท หรือระดับราคาอยู่ที่ 57 บาท หลังจากที่ AOT เรียกคืนพื้นที่ คิง เพาเวอร์ รวมถึงส่วนราชการ ในสนามบิน สุวรรณภูมิ - ภูเก็ต กว่า 1,000 ตารางเมตร
กรรณ์ หทัยศรัทธา นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า AOT มีการขอคืนพื้นที่ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานภูเก็ต รวมกว่า 1,000 ตารางเมตรจาก คิง เพาเวอร์ และพื้นที่ส่วนราชการ โดยจะเริ่มในเดือนก.ค.นี้ ซึ่งจะทำให้รายได้ลดลงไป 93 ล้านบาทต่อเดือน ทำให้มีการเห็นดาวน์ไซด์ต่อ EPS ของ AOT ประมาณการลดลงในปีนี้ที่ 1% และ EPS ปี 2568 ลดลงที่ 3.3%
"ขณะเดียวกัน AOT ก่อนหน้านี้ได้มีขยายในส่วนของ SAT-1 ปัจจุบันประชาชนก็ยังไม่ได้มีการใช้บริการมากนัก และบวกกับมีการขอพื้นที่คืนจากคิง เพาเวอร์ ตลาดจึงยังไม่ค่อยแน่ใจ ทำให้ดาวน์ไซด์แน่ๆ รายได้ที่ลดลง 93 ล้านบาทต่อเดือน"
โดยให้ ราคาเป้าหมายหุ้น AOT ไว้ที่ 60.25 บาท แนะนำให้ถือ AOT และหากนักลงทุนจะเข้าไปซื้อหุ้น AOT ได้ราคาจะอยู่ที่โซน 55 บาท สามารถทยอยสะสมได้
กฤช ภาคากิจ เลขานุการบริษัท ผู้มีอำนาจรายงานสารสนเทศ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)หรือ AOT ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ตามรายงาน Bangkok Suvarnabhumi International Airport Audit Report ของ Skytrax ซึ่งเป็นบริษัทวิจัย และที่ปรึกษาธุรกิจการบินชั้นนำของโลก และมีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์คุณภาพการให้บริการของสายการบิน และสนามบินทั่วโลก ได้มีข้อเสนอแนะว่า บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. มีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องรีบดำเนินการปรับปรุง และพัฒนาพื้นที่ภายในอาคารเทียบเครื่องบิน (Concourse) และอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (SAT-1) ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) เพื่อจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานต่างๆ เพิ่มเติมให้ครบถ้วนตามมาตรฐานการดำเนินกิจการท่าอากาศยานสมัยใหม่ เพื่อตอบสนองต่อความคาดหวัง และความต้องการด้านการใช้บริการของผู้โดยสารให้ดียิ่งขึ้น
รวมทั้งเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายของ ทอท.และรัฐบาลที่จะทำให้ ทสภ.ได้รับการจัดอันดับไปสู่ 1 ใน 50 สนามบินที่ดีที่สุดในโลกภายในปี 2568 และจะไปสู่อันดับ 1 ใน 20 ภายใน 5 ปีนับจากนี้
นอกจากนั้น คณะกรรมการกลยุทธ์คุณภาพบริการท่าอากาศยานของ ทอท.ได้มีความเห็นว่าพื้นที่ภายในอาคารผู้โดยสาร ท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.) มีความแออัด จึงได้เสนอแนะให้ ทอท.แก้ไขปัญหาความแออัดดังกล่าวโดยดำเนินการปรับปรุงพื้นที่ภายในอาคารผู้โดยสารให้พร้อมสำหรับการดำเนินกิจการท่าอากาศยานตลอดจนดำเนินการปรับปรุง และพัฒนาเพื่อจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานต่างๆ เพิ่มเติมสำหรับอำนวยความสะดวกสำหรับให้บริการแก่ผู้โดยสารได้จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น ทอท.จึงเห็นควรจัดสรรพื้นที่ ณ ทสภ. และ ทภก. เพื่อใช้ในการปรับปรุงพื้นที่ซึ่งเมื่อตรวจสอบแล้วพบว่า พื้นที่ ที่เหมาะสมบางส่วนจะเป็นพื้นที่มีการประกอบกิจการเชิงพาณิชย์ของผู้ประกอบการ ได้แก่ บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด
รวมทั้งพื้นที่ปฏิบัติงานบางส่วนของส่วนราชการ ได้แก่ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองกรมศุลกากร และกรมสรรพากร ดังนั้น ในการประชุมคณะกรรมการ ทอท. ครั้งที่ 8/2567 เมื่อวันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน 2567 ณ ห้องประชุมคณะกรรมการ ทอท. ชั้น 7 อาคารสำนักงานใหญ่ ทอท. ที่ประชุมจึงมีมติอนุมัติให้ ทอท.ขอคืนพื้นที่ประกอบกิจการของผู้ประกอบการ และพื้นที่ปฏิบัติงานของส่วนราชการบางส่วนภายในอาคาร Concourse และ SAT-1 ณ ทสภ. จำนวนรวมประมาณ 1,097.14 ตารางเมตร
และภายในอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ณ ทภก. จำนวนรวมประมาณ 491.22 ตารางเมตร เพื่อให้ ทอท.นำมาใช้ในการดำเนินกิจการท่าอากาศยาน ตลอดจนดำเนินการปรับปรุง และพัฒนาเพื่อจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานต่างๆ เพิ่มเติม สำหรับให้บริการแก่ผู้โดยสาร เพื่อให้ผู้โดยสารมีที่พักคอยมากขึ้น ตามข้อเสนอแนะของ Skytrax และคณะกรรมการกลยุทธ์คุณภาพบริการท่าอากาศยานของ ทอท.ดังกล่าว โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ การขอคืนพื้นที่ประกอบกิจการ และพื้นที่ปฏิบัติงาน ดังกล่าวข้างต้น จะทำให้ ทอท.มีรายได้จากค่าเช่าพื้นที่ ณ ทสภ. และ ทภก.ลดลงเป็นจำนวนเงินเดือนละประมาณ 1,015,000 บาท และอาจทำให้ได้รับค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำรายเดือนในช่วงปีสัญญา 2567 – 2568 ณ ทสภ.ลดลงเป็นจำนวนเงินเดือนละประมาณ 74 ล้านบาท และ ณ ทภก. ลดลงเป็นจำนวนเงินเดือนละประมาณ 19 ล้านบาท
แต่อย่างไรก็ตาม ทอท.มีโครงการที่จะเพิ่มรายได้จากกิจกรรมเชิงพาณิชย์อื่นๆ ซึ่งจะเป็นการชดเชยรายได้ส่วนที่ลดลงต่อไป
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์