ผ่าจักรวาล GULF VS Google ผนึกกำลังสยายปีกรุกธุรกิจ Cloud-AI ในไทย

ผ่าจักรวาล GULF VS Google ผนึกกำลังสยายปีกรุกธุรกิจ Cloud-AI ในไทย

ผ่าจักรวาล GULF VS Google ผนึกกำลังสยายปีกรุกธุรกิจ Cloud- AI ในไทย 4 หุ้นกลุ่ม GULF ผลงานไตรมาส 1/67 มีกำไรสุทธิรวมกัน 15,498.8 ล้านบาท มาร์เก็ตแคปรวมกว่า 1.34 ล้านล้านบาท ด้าน Google มาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 2.3 ล้านล้านดอลลาร์ กำไรที่ 23,662 ล้านดอลลาร์ 

GULF  บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงาน เล่นใหญ่ ร่วมมือกับบริษัท กูเกิล เอเชีย แปซิฟิก จำกัด (Google) เพื่อให้บริการระบบคลาวด์ Google Distributed Cloud air-gapped  พร้อมจ่อขยายธุรกิจไปสู่บริการด้านอื่นๆ เช่น AI, cybersecurity ในอนาคต 

ทั้งนี้ “กรุงเทพธุรกิจ”  เปิดอาณาจักรเครือ GULF ที่มีมูลค่าหลายแสนล้าน ว่ายิ่งใหญ่แค่ไหนในเมืองไทย พร้อมกับพาไปส่องธุรกิจของ Google ว่ามีความมั่งคั่งมหาศาลแค่ไหน

โดยธุรกิจ 4 หุ้นกลุ่ม GULF ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/67 มีกำไรสุทธิรวมกัน 15,498.8 ล้านบาท และมาร์เก็ตแคปรวมกว่า 1.34 ล้านล้านบาท (ข้อมูลตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย)

1.บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF

  • กำไรสุทธิไตรมาส 1/67 ที่ 3,498.53 ล้านบาท 
  • กำไรสุทธิปี 2566 ที่ 14,857.73 ล้านบาท
  • กำไรสุทธิปี 2565 ที่ 11,417.56 ล้านบาท 

 

  • รายได้รวมไตรมาส 1/67 ที่  32,279.92 ล้านบาท
  • รายได้รวมปี 2566 ที่ 116,950.73 ล้านบาท
  • รายได้รวมปี 2565 ที่ 95,076.17 ล้านบาท

 

  • สินทรัพย์รวม ไตรมาส 1/67 ที่ 472,868.50 ล้านบาท
  • สินทรัพย์รวม ปี 2566 ที่ 459,514.17 ล้านบาท
  • สินทรัพย์รวม ปี 2565 ที่ 418,171.96 ล้านบาท

 

  • มาร์เก็ตแคป ณ 25 มิ.ย.2567 ที่ 469,326.00 ล้านบาท 
  • P/E 32.35 เท่า 
  • EBITDA 8,081.17 ล้านบาท

2.บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC

  • กำไรสุทธิไตรมาส 1/67 ที่ 8,451.05 ล้านบาท 
  • กำไรสุทธิปี 2566 ที่ 29,086.11 ล้านบาท
  • กำไรสุทธิปี 2565 ที่ 26,011.28 ล้านบาท 

 

  • รายได้รวมไตรมาส 1/67 ที่ 53,465.06 ล้านบาท
  • รายได้รวมปี 2566 ที่ 189,720.27 ล้านบาท
  • รายได้รวมปี 2565 ที่ 186,142.92 ล้านบาท

 

  • สินทรัพย์รวม ไตรมาส 1/67 ที่ 455,211.30 ล้านบาท
  • สินทรัพย์รวม ปี 2566 ที่ 454,439.22 ล้านบาท
  • สินทรัพย์รวม ปี 2565 ที่ 337,043.66 ล้านบาท

 

  • มาร์เก็ตแคป ณ 25 มิ.ย.2567 ที่ 624,584.04 ล้านบาท 
  • P/E 20.29 เท่า 
  • EBITDA 27,984.26 ล้านบาท

3.บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH

  • กำไรสุทธิไตรมาส 1/67 ที่ 3,261.59 ล้านบาท 
  • กำไรสุทธิปี 2566 ที่ 13,138.58 ล้านบาท
  • กำไรสุทธิปี 2565 ที่ 10,533.09 ล้านบาท 

 

  • รายได้รวมไตรมาส 1/67 ที่ 9.50 ล้านบาท
  • รายได้รวมปี 2566 ที่ 32.44 ล้านบาท
  • รายได้รวมปี 2565 ที่ 61.05 ล้านบาท

 

  • สินทรัพย์รวม ไตรมาส 1/67 ที่ 43,742.02 ล้านบาท
  • สินทรัพย์รวม ปี 2566 ที่ 40,511.04 ล้านบาท
  • สินทรัพย์รวม ปี 2565 ที่ 43,041.02 ล้านบาท

 

  • มาร์เก็ตแคป ณ 25 มิ.ย.2567 ที่ 231,683.19 ล้านบาท 
  • P/E 16.90 เท่า 
  • EBITDA 3,264.39 ล้านบาท 

4.บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM

  • กำไรสุทธิไตรมาส 1/67 ที่ 287.63 ล้านบาท 
  • กำไรสุทธิปี 2566 ที่ 353.65 ล้านบาท
  • กำไรสุทธิปี 2565 ที่ 42.21 ล้านบาท 

 

  • รายได้รวมไตรมาส 1/67 ที่  682.50 ล้านบาท
  • รายได้รวมปี 2566 ที่ 3,220.20 ล้านบาท
  • รายได้รวมปี 2565 ที่ 3,142.49 ล้านบาท

 

  • สินทรัพย์รวม ไตรมาส 1/67 ที่ 14,050.45 ล้านบาท
  • สินทรัพย์รวม ปี 2566 ที่ 14,162.49 ล้านบาท
  • สินทรัพย์รวม ปี 2565 ที่ 14,850.21 ล้านบาท

 

  • มาร์เก็ตแคป ณ 25 มิ.ย.2567 ที่ 12,276.34 ล้านบาท 
  • P/E 22.25 เท่า 
  • EBITDA 500.32 ล้านบาท 

ขณะที่ Alphabet Inc. หรือ แอลฟาเบต อิงก์ บริษัทแม่ของหุ้น Google (Alphabet Inc Class A)  ในตลาดหุ้น Nasdaq เป็นบริษัทโฮลดิ้งเทคโนโลยีที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก และเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีค่ามากที่สุดในโลก และเป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีเจ้าใหญ่ในสหรัฐที่มีคู่แข่งอย่าง Amazon Apple META และ Microsoft

ทั้งนี้ "กรุงเทพธุรกิจ" ได้สืบค้นข้อมูล หุ้น Google ผ่าน InvestingPro พบว่า ปัจจุบันมี

  • มาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 2.3 ล้านล้านดอลลาร์
  • P/E 27.7 เท่า
  • EBITDA 29,601 ล้านดอลลาร์

 

  • กำไรสุทธิ ไตรมาส 1/67 ที่ 23,662 ล้านดอลลาร์ 
  • กำไรสุทธิ ปี 2566 ที่ 73,795 ล้านดอลลาร์ 
  • กำไรสิทธิ ปี 2565 ที่  59,972 ล้านดอลลาร์ 

 

  • รายได้ ไตรมาส 1/67 ที่ 80,539 ล้านดอลลาร์
  • รายได้ ปี 2566 ที่ 307,394 ล้านดอลลาร์
  • รายได้ ปี 2565 ที่ 282,836 ล้านดอลลาร์

 

  • สินทรัพย์ทั้งหมดไตรมาส 1/67 ที่  407,350 ล้านดอลลาร์
  • สินทรัพย์ทั้งหมด ปี 2566 ที่ 402,392 ล้านดอลลาร์
  • สินทรัพย์ทั้งหมด ปี 2565 ที่ 365,264 ล้านดอลลาร์

ผ่าจักรวาล GULF VS Google ผนึกกำลังสยายปีกรุกธุรกิจ Cloud-AI ในไทย

ข้อมูลจาก InvestingPro

กิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้ข้อมูลกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ธุรกิจดังกล่าวถือว่ามาตอบโจทย์เสริมธุรกิจเดิมของ GULF ปัจจุบันธุรกิจของ GULF เป็นธุรกิจไฟฟ้า และมีธุรกิจด้าน ICT และสิ่งสำคัญที่จะพัฒนาธุรกิจไฟฟ้าไปได้ในอนาคตขึ้นอยู่กับนโยบายภาครัฐที่จะมีการเปิดประมูล รวมถึงการใช้งานของภาคเอกชน ซึ่งพักหลังจะเห็นถึงการเติบโตได้อย่างชัดเจนจากธุรกิจ Data Center เนื่องจากธุรกิจดังกล่าวค่อนข้างมีการใช้พลังงานค่อนข้างสูง 

ขณะเดียวกัน อาจจะต้องมีการใช้ไฟฟ้าในการสำรองจากหลาย ๆ แหล่ง เพื่อป้องกันให้มีประสิทธิภาพในการใช้งาน รวมไปถึงความต้องการที่จะใช้พลังงานสะอาดด้วย ทำให้การขยายธุรกิจ Cloud และ Data Center จะตอบโจทย์ในการใช้พลังงานรองรับธุรกิจไฟฟ้า และพลังงานทดแทนของ GULF 

อย่างไรก็ตาม ทิศทางของธุรกิจดังกล่าวมีการเติบโตค่อนข้างมาก แต่พลังงานที่ใช้จะเป็นการใช้พลังงงานจากโรงไฟฟ้าปกติของ GULF หรือ GULF จะต้องทำ solution พลังงานทดแทน เพื่อรองรับ 

ทั้งนี้ มองว่าในมุมของนักลงทุนทั่วไปการขยายธุรกิจดังกล่าว จะเป็นการเพิ่มความต้องการในการในการใช้งานระยะยาวให้กับธุรกิจของ GULF ให้มีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น 

ขณะที่ รูปแบบของการให้บริการ Cloud เป็นสิ่งที่สิ่งสำคัญหลักของโลกไปแล้ว โดยในอดีตจะเป็นการตั้ง Server ของแต่ละบริษัท ซึ่งจะมีปัญหาในการเรียกใช้ข้อมูลอาจจะมีปัญหาให้หลายอย่าง เช่น ต้องมีการทำแบล็กอัพไซด์เพื่อสำรองข้อมูล หรือการเรียกใช้ข้อมูลในการเข้าถึงที่อาจจะต้องใช้ความเร็ว โดยพักหลังจึงมีการใช้ Cloud มากขึ้นหรือใช้  Cloud ที่เป็นมืออาชีพ ซึ่งจะดูแลทั้งในความทันสมัยของ Server และความปลอดภัยในการสำรองข้อมูลต่าง ๆ 

ขณะเดียวกัน ยังทำให้ธุรกิจใหม่ ๆ มีความสะดวกมากขึ้น จึงมองว่า เป็นเทรนด์ที่มีการแข่งขันที่มาแรงในหลายปีไม่ว่าจะเป็น Google Microsoft หรือ Amazon ที่พยายามที่จะเข้ามาแข่งขันในตลาดนี้กัน แต่กระทั่งผู้ให้บริการ Cloud จากจีนเองพยายามที่จะเข้ามาชิงส่วนแบ่งในธุรกิจนี้เช่นกัน จึงมองว่า เป็นการเติบโตที่หลีกเลี่ยงไม่ได้  

และเมื่อดูผลการดำเนินงานในส่วนของ Google ปี 2565 มีกำไรที่ 59,972 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ปี 2566 มีกำไรที่ 73,795 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นการเติบโต 23% ขณะกำไรรายไตรมาสโตต่อเนื่องติดต่อกันมา 6 ไตรมาส จากไตรมาส 3 ปี 2565 มีกำไรอยู่ที่ 13,910 ล้านดอลลาร์ และล่าสุดไตรมาส 1/67 มีกำไรที่ 23,662 ล้านดอลลาร์ ถ้ามองการเติบโต YoY ที่ 57% และ 14% QoQ 

“ผู้ให้บริการ Cloud มีหลายราย ที่นอกจาก Google ยังมี  Microsoft หรือ Amazon และหลัง ๆ ยังมีผู้ให้บริการ Cloud จากประเทศจีน แต่ยังมีส่วนแบ่งการตลาดค่อนข้างน้อยกว่าฝั่งผู้ให้บริการทางสหรัฐ”

ณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า มีความชัดเจนมากขึ้นถึง GULF ที่เข้ามารุกดาต้าเซ็นเตอร์ คลาวด์มากขึ้น ซึ่งในอนาคตธุรกิจเหล่านี้จะมีการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้น และอาจจะมีการการต่อยอดไปถึงธุรกิจด้าน AI ที่จะตามมา เนื่องจากเป็นธุรกิจที่รัฐบาลเข้ามาสนับสนุนใน คลาวน์ และดาต้าเซ็นเตอร์ เห็นรัฐบาลมีการสนับสนุน  Direct PPA และมีการตั้งบอร์ด  Cloud First Policy ขึ้นมา จึงทำให้เห็นภาพใหญ่ที่ค่อนข้างมีการเอื้อมากขึ้นต่อการเติบโตของธุรกิจนี้

สำหรับ ราคาหุ้น GULF ถือว่ายังอยู่ในโซนด้านล่าง รวมถึงหุ้นขนาดใหญ่มีการปรับตัวลงมาค่อนข้างเยอะ ขณะที่ในสัปดาห์จะมีมาตรการ Uptick เข้ามาช่วย และมีความชัดเจนกองทุน TESG มากขึ้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลให้หุ้น GULF กลับมารีบาวน์ได้ต่อ

ขณะที่ในส่วน Google เป็นบริษัทขนาดใหญ่ระดับโลก การที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างครั้งสำคัญของประเทศไทยที่จะทำให้สามารถตามเทคโนโลยีได้ทัน จากก่อนหน้าที่ยังไม่ได้เห็นการลงทุนเข้ามา และเมื่อเข้ามาจับคู่กับบิ๊กด้านไฟฟ้าอย่าง GULF เป็นคู่หนึ่งที่น่าสนใจสะท้อนภาพว่า ประเทศไทยมีความน่าสนใจทางด้านเทคโนโลยี จึงเข้ามาลงทุน

ผ่าจักรวาล GULF VS Google ผนึกกำลังสยายปีกรุกธุรกิจ Cloud-AI ในไทย