หุ้นกลุ่ม JMART ร่วงยกแผง  SGC ดิ่งนำกลุ่ม 11.33% เพิ่มทุน 5.2 พันล.-กู้เงิน SINGER 6 พันล.

หุ้นกลุ่ม JMART ร่วงยกแผง  SGC ดิ่งนำกลุ่ม 11.33% เพิ่มทุน 5.2 พันล.-กู้เงิน SINGER 6 พันล.

หุ้นกลุ่ม JMART ร่วงยกแผง  SGC ดิ่งนำกลุ่ม 11.33% หลังประกาศเพิ่มทุน 5.23 พันล้านบาท หุ้นขาย RO รองรับวอแรนท์ หวังได้เงิน 8.83 พันล้านบาท และกู้ SINGER 6.1 พันล้านบาท

ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยภาคเช้า ณ วันที่ 3 ก.ค.67 หุ้นกลุ่ม JMART ดิ่งลงยกแผง หลังจากที่หุ้น SGC มีการประกาศเพิ่มทุน

  • หุ้น SGC ร่วง 11.33% ราคาลด 0.17 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 1.67 บาท
  • หุ้น SINGER ร่วง 1.23% ราคาลด 0.10 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 8.05 บาท
  • หุ้น JMART ร่วง 0.83% ราคาลด 0.10 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 12 บาท
  • หุ้น JMT ร่วง 0.80% ราคาลด 0.10 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 12.40 บาท
  • หุ้น J ร่วง 0.60% ราคาลด 0.01 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 1.33 บาท

หุ้นกลุ่ม JMART ร่วงยกแผง  SGC ดิ่งนำกลุ่ม 11.33% เพิ่มทุน 5.2 พันล.-กู้เงิน SINGER 6 พันล.

กิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้ข้อมูลกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า SGC มีประกาศเพิ่มทุนไป 1 ต่อ 1 ซึ่งในลักษณะเช่นนี้มีการออกหุ้นกู้ หรือกู้ยืมเงินในการระดมทุนเพื่อทำธุรกิจ และหากมีการทำธุรกิจปล่อยกู้แล้วเกิดขาดทุนหรือมีปัญหา แน่นอนว่าจะทำให้การคืนเงินต้นให้กับผู้ที่ถือหุ้นกู้อาจจะสะดุดได้ จึงอาจจะมีความจำเป็นที่จะเพิ่มทุนเพื่อทำการรีไฟแนนซ์ในส่วนนี้

ทั้งนี้เมื่อเกิดกรณีดังกล่าว จึงทำให้เกิดแรงกระเพื่อมไปยังหุ้นในกลุ่ม ส่งผลให้หุ้นแม่และหุ้นตัวถัด ๆ ไป ได้รับผลกระทบ เนื่องจากมองว่า อาจจะมีการเข้าไปดึงสภาพคล่องในกลุ่มนี้ไปด้วยหรือไม่ 

อย่างไรก็ตาม มองว่าในระยะสั้นธุรกิจเช่าซื้อยังดูไม่ค่อยดี แนะนำนักลงทุนว่า ยังไม่ควรเข้าไปลงทุน เนื่องจากไตรมาสที่ผ่านมา ภาพของกลุ่มไฟแนนซ์อาจจะดูเหมือนมีการปรับประมาณการกำไรขึ้น ถ้าดูในกลุ่มเซกเตอร์ แต่ทว่ามันคือภาพที่หลอกตา เพราะถ้าดูให้ดีจะมีการปรับแค่หุ้นในกลุ่มใหญ่ ๆ ไม่กี่ตัวเท่านั้น เช่น หุ้น MTC กับหุ้น TIDLOR เท่านั้น เพราะสองหุ้นนี้มีกำไรระดับพันล้านบาท ขณะที่หุ้นไฟแนนซ์อื่น ๆ ที่มีกำไรหลักร้อยล้านบาท หรือหลักสิบล้านบาท ส่วนใหญ่คือ แย่ลง บางตัวกำไรอาจจะเหลือแค่ 1 ใน 4 หรือ 1 ใน 3 เพราะสถานการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ทำให้โดยเฉพาะกลุ่มเช่าซื้อเหล่านี้แย่ลง 

"ด้วยเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดีนัก อาจจะต้องใช้ระยะเวลาที่จะทำให้คุณภาพลูกหนี้นั้นดีขึ้น และมองว่า หากนักลงทุนมีความสนใจกับหุ้นกลุ่มดังกล่าวสามารถติดตามไว้ได้ แต่การเข้ามาในจังหวะนี้จะมีความเสี่ยงค่อนข้างสูง แนะนำให้รออีกสักระยะ"

บมจ.เอสจี แคปปิตอล (SGC) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 5/2567 เมื่อวันที่ 1 ก.ค.67 มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท จำนวน 5,232 ล้านบาทจากทุนจดทะเบียนเดิม 3,270 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ จำนวน 8,502 ล้านบาท

โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 5,232 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท จัดสรรให้แก่

1. ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท จำนวนไม่เกิน 3,270 ล้านหุ้น ตามสัดส่วนการถือหุ้น อัตราส่วน 1 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุน ราคาเสนอขายเป็นราคาที่มีส่วนลดไม่เกินร้อยละ 15 จากราคาตลาด โดยคณะกรรมการบริหารเป็นผู้กำหนดราคาเสนอขายในภายหลัง ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทได้กำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนตามสัดส่วนการถือหุ้นที่ผู้ถือหุ้นแต่ละรายถืออยู่ (Record Date) เป็นวันที่ 19 ส.ค.67

2. รองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท ครั้งที่ 1 (SGC-W1) ที่จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้นการถือหุ้นที่ผู้ถือหุ้นแต่ละรายถืออยู่ (ก่อนการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้) จำนวนไม่เกิน 654 ล้านหุ้น ซึ่งให้ผู้ถือหุ้นเดิมโดยไม่คิดมูลค่า ในอัตราส่วน 5 หุ้นสามัญเดิมต่อ SGC-W1 1 หน่วย

โดยใบสำคัญแสดงสิทธิ SGC-W1 จะมีอายุ 1 ปี โดยราคาใช้สิทธิแปลงสภาพจะเป็นราคาที่มีส่วนลดร้อยละ 10 ของราคาตลาด ณ วันกำหนดราคาใช้สิทธิแปลงสภาพ

3. รองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท ครั้งที่ 2 (SGC-W2) ที่จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทที่จองซื้อและได้รับจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกและเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้นการถือหุ้นที่ผู้ถือหุ้นแต่ละรายถืออยู่ จำนวนไม่เกิน 1,309 ล้านหุ้น โดยผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทที่จองซื้อและได้รับจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกและเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้นที่ผู้ถือหุ้นแต่ละรายถืออยู่  ในอัตราส่วน 2.5 หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่จองซื้อและได้รับการจัดสรร ต่อใบสำคัญแสดงสิทธิ SGC-W2 1 หน่วย

โดยใบสำคัญแสดงสิทธิ SGC-W2 จะมีอายุ 3 ปี โดยราคาใช้สิทธิแปลงสภาพจะเป็นราคาที่มีส่วนเพิ่มร้อยละ 10 ของราคาตลาด ณ วันกำหนดราคาใช้สิทธิแปลงสภาพ

บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทในครั้งนี้ ซึ่งประกอบด้วย การเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (จำนวนไม่เกิน 4,905 ล้านบาท) เงินรับจากการใช้สิทธิแปลงสภาพ SGC-W1(จำนวนไม่เกิน 1,177.20 ล้านบาท) และเงินรับจากการใช้สิทธิแปลงสภาพ SGC-W2(จำนวนไม่เกิน 2,746.80 ล้านบาท) รวมทั้งสิ้นเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 8,829 ล้านบาท ไปใช้ในการชำระคืนเงินกู้ยืมจากบริษัทใหญ่ ไม่เกิน 5,000 ล้านบาทภายในปี 2567 และนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน


ขณะที่ คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการรับความช่วยเหลือทางการเงิน โดยการเข้าทำสัญญาเงินกู้กับบมจ.ซิงเกอร์ ประเทศไทย (SINGER) ซึ่งถือหุ้นบริษัท 74.92% ในวงเงินไม่เกิน 6,100 ล้านบาท ระยะเวลา 4 ปี (ชำระคืนภายในปี 2571) อัตราดอกเบี้ยลอยตัวอ้างอิง MLR บวกส่วนต่าง 0.25% ต่อปี หรือต้นทุนทางการเงินที่เกิดขึ้นจริงของ SINGER บวกส่วนต่าง 0.25% ต่อปี เพื่อใช้รักษาสภาพคล่องทางการเงิน และ/หรือใช้เป็นวงเงินทดแทนภาระหนี้ของบริษัทในส่วนที่จะครบกำหนดในปี 2568 โดยบริษัทสามารถทยอยเบิกเงินกู้เพื่อทดแทนภาระหนี้เงินกู้เดิมได้เท่านั้น

ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทคาดว่า บริษัทจะดำเนินการออกและเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้นแต่ละราย โดยไม่จัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นที่จะทำให้บริษัทมีหน้าที่ตามกฎหมายต่างประเทศ ให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายนปี 2567รวมถึงการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิ SGC-W1 และ SGC-W2 ภายในเดือนกันยายนปี 2567 ซึ่งมีกำหนดอายุ 1 ปีและ 3 ปี