ถอดแนวคิด ‘Jim Simons’ ราชาสาย Quant ผู้ใช้คณิตศาสตร์สร้างกำไรจากการเทรด

ถอดแนวคิด ‘Jim Simons’ ราชาสาย Quant  ผู้ใช้คณิตศาสตร์สร้างกำไรจากการเทรด

จากโลก ‘คณิตศาสตร์’ สู่ ‘การเงิน’ น่าทึ่ง! 'Jim Simons’ ราชาสาย Quant ผู้ใช้คณิตศาสตร์สร้างกำไร 9 หมื่นเท่า จากการเทรด เท่า สร้างผลตอบแทนเฉลี่ย 39.9% ต่อปี สามารถโดดเด่นกว่าตลาดได้

"หากคุณยึดมั่นในโมเดลและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่ผ่านการวิเคราะห์มาอย่างดีแล้ว หลังจากนั้นคุณจะสามารถโดดเด่นกว่าตลาดได้"

ประโยคที่เป็นเหมือนบทสรุปของหนังสือ The Man Who Solved The Market ที่บอกเล่าเรื่องราวของ Jim Simons นักคณิตศาสตร์ผู้ก้าวข้ามศาสตร์สู่โลกการเงิน และก่อตั้ง Renaissance Technologies หนึ่งในกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก

ถ้าลองได้ติดตามเรื่องราวของ Jim Simons แล้วจะทึ่งกับหลายๆ เรื่องของเขา

Jim Simons ไม่ได้เป็นเพียงแค่นักลงทุนทั่วไป แต่เป็นนักปฏิวัติที่นำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารกองทุน  ซึ่งกองทุน Quant Fund ที่ใช้หลักการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลในการคัดเลือกหุ้นนี้ 

Jim Simons ได้รับฉายา Quant King หรือราชาสาย Quant เขาสร้างทีมนักวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และนักสถิติเพื่อพัฒนาโมเดลการเทรดที่ซับซ้อน โดยใช้ข้อมูลมหาศาลและอัลกอริทึมที่ล้ำสมัย เพื่อคาดการณ์ความเคลื่อนไหวของตลาด

ถามว่าความสำเร็จของ Simons น่าทึ่งขนาดไหน?
หากคุณตัดสินใจลงทุนกับกองทุนของ Simons จำนวน 1,000 บาท ตั้งแต่เริ่มต้นเมื่อปี 1988 ในอีก 34 ปีต่อมา คือปี 2022 เงินลงทุนดังกล่าวจะเพิ่มมูลค่าเป็น 90.1 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 90,129 เท่า คิดเป็นผลตอบแทนเฉลี่ย 39.9% ต่อปี 

อย่างไรก็ตาม แต่ละกลยุทธ์การเทรดและการลงทุนก็มีข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป และข้อจำกัดอย่างหนึ่งภายใต้การบริหารของ Simons คือ เงินลงทุนของกองทุนจะถูกจำกัดไว้ที่ไม่เกิน 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์

จากโลก ‘คณิตศาสตร์’ สู่ ‘การเงิน’
สร้างผลตอบแทนอย่างไรให้เงินงอกเงยได้ไวขนาดนี้ 
แม้ Simons จะเสียชีวิตลงแล้วในวัย 86 ปี เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2024 และเคล็ดลับที่ทำให้ Medallion Fund  ของ Renaissance Technologies สร้างผลตอบแทนได้สูงที่สุดขนาดนี้ ก็ยังถูกเก็บเป็นความลับขั้นสูงสุด พนักงานทุกคนต้องเซ็นสัญญาปกปิดความลับนี้ไว้

แต่เขาก็ได้พิสูจน์ถึงหลักการลงทุนที่เขาเชื่อมั่นมาตลอดแล้วว่าเป็นจริง และเป็นตัวอย่างให้กับคนรุ่นหลังในการมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการลงทุนบนหลักการที่ถูกต้องต่อไป 

ที่มาที่ไปของ Jim Simons ราชาสาย Quant และจุดเริ่มต้นของ Renaissance Technologies กว่าจะสร้างกองทุน Medallion ให้เป็น Quant Fund ระดับโลกได้ ไม่ง่ายเลย

เส้นทางของ Simons หลังจากจบปริญญาตรีจาก MIT และปริญญาเอกจาก Berkeley เมื่ออายุ 23 ปี ก่อนที่จะเข้าสู่โลกการเงิน Simons ได้ฝึกฝนทักษะการถอดรหัสของเขากับ National Security Agency โดยทำหน้าที่ระบุรูปแบบในข้อมูลจำนวนมหาศาล ก่อนจะย้ายไปสู่แวดวงวิชาการ ในฐานะประธานภาควิชาคณิตศาสตร์ที่ Stony Brook University และเข้าสู่แวดวงการเงินในที่สุด 

ในปี 1978 Simons ได้ก่อตั้งบริษัทชื่อ RenTec เดิมใช้ชื่อว่า Monometrics โดยเน้นไปที่การซื้อขายสกุลเงินเป็นหลัก แต่ไม่นานหลังจากนั้น Simons ซึ่งรู้สึกทึ่งกับรูปแบบทางคณิตศาสตร์ในตลาดการเงิน ก็เริ่มเปลี่ยนจุดเน้นของบริษัทไปสู่การซื้อขายเชิงปริมาณ 


โดยใช้ประโยชน์จากอัลกอริทึมและแบบจำลองที่ซับซ้อนเพื่อคาดการณ์ความเคลื่อนไหวของตลาด ก่อนที่บริษัทจะเปลี่ยนชื่อเป็น Renaissance Technologies ในปี 1982 ซึ่งถือเป็นยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับการวิจัยเชิงปริมาณ พร้อมกับนำนักวิทยาศาสตร์และนักคณิตศาสตร์ที่มีความสามารถเข้ามาร่วมจำนวนมาก 

แนวทางของ RenTec สามารถอธิบายสั้นๆ ได้ว่ามุ่งเน้นไปที่ความเคลื่อนไหวของราคาที่ไม่สุ่ม และจ้างผู้เชี่ยวชาญที่มีปริญญาเอกสาขาต่างๆ มากมาย ซึ่งแตกต่างไปจากรูปแบบการลงทุนแบบดั้งเดิม ก่อนที่กองทุน Medallion จะถูกจัดตั้งขึ้นมาในปี 1988 และสร้างผลตอบแทนได้อย่างน่าอัศจรรย์ตามมา


กลยุทธ์ของ Jim Simons
Simons ใช้พื้นฐานทางคณิตศาสตร์และชุดข้อมูลขนาดใหญ่ สร้างแบบจำลองคอมพิวเตอร์ที่เขาเชื่อว่าสามารถระบุและทำกำไรจาก ‘รูปแบบ’ ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ในตลาดได้ อัลกอริทึมของเขาอ้างอิงจากข้อมูลย้อนหลังไปถึงปี 1700
Simons ใช้ประโยชน์จากความผันผวนของราคาในกรอบสั้นๆ  และการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย โดยมีระยะเวลาถือครองเฉลี่ยแค่สองวัน 

แต่เส้นทางสู่ความสำเร็จของ Simons ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เขาและทีมงานใช้เวลานับสิบปีในการพัฒนาและทดสอบโมเดล จนกระทั่งมั่นใจว่าโมเดลนั้นสามารถสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอและเอาชนะตลาดได้อย่างยั่งยืน

สิ่งที่ Simons ยึดมั่นเสมอมาคือ ‘ความเชื่อมั่นในโมเดล’ แม้ในช่วงเวลาที่ตลาดผันผวน หรือโมเดลอาจให้ผลลัพธ์ที่ไม่เป็นไปตามคาด Simons ไม่เคยลังเลที่จะทำตามสิ่งที่โมเดลแนะนำ เพราะเขารู้ว่าโมเดลนั้นถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานของข้อมูลและหลักการทางวิทยาศาสตร์

Medallion แก้โจทย์ของตลาดอย่างไร
ปัจจัยแห่งความสำเร็จที่ทำให้กองทุน Medallion ทำกำไรได้อย่างต่อเนื่องนั้น ในหนังสือ The Man Who Solved The Market ระบุว่ามาจากสิ่งเหล่านี้

การรวบรวมข้อมูล: Medallion เป็นหนึ่งในกองทุนแรกๆ ที่รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับทุกสิ่ง ไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็ก ที่อาจส่งผลต่อราคาสินทรัพย์ แม้จะส่งผลเพียงเล็กน้อยก็ตาม

Artifitial และ Machine Learning: เพียงแค่มีข้อมูลไม่เพียงพอ RenTec ยังเป็นผู้บุกเบิกในการสร้างแบบจำลอง machine learning และปัญญาประดิษฐ์ (AI) บนฐานข้อมูลที่มีในมือ

การปรับขนาดการเทรด: Medallion เชื่อมั่นในข้อมูลและเดิมพันอย่างหนักเมื่อเห็นว่าโอกาสเพิ่มสูงขึ้นกว่าปกติ
บุคลากร: หนึ่งในความสามารถที่สำคัญที่สุดของ Simons คือการค้นหาและสรรหาผู้เชี่ยวชาญที่มีปริญญาเอกด้านคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ที่เป็นนักแก้ปัญหาที่สร้างสรรค์ โดยการมองหาคนที่ฉลาดและมีความคิดสร้างสรรค์ที่สุด แทนที่จะค้นหาคนเพื่อเติมเต็มทักษะเฉพาะด้าน

การใช้ Leverage: Zuckerman ประมาณการว่ากองทุน Medallion ใช้อัตราทด (leverage) ในการซื้อขายโดยเฉลี่ย 12.5 เท่า บางครั้งถึง 20 เท่า เมื่อข้อมูลแนะนำให้ทำเช่นนั้น

เรื่องราวของ Simons เป็นแรงบันดาลใจให้กับนักลงทุนทั่วโลก และเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเทคโนโลยีสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการยึดมั่นในโมเดลและกระบวนการที่ผ่านการพิสูจน์แล้วเท่านั้น


แนวคิดและกระบวนการของ Simons รวมทั้งความสำเร็จของ Renaissance Technologies เป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจให้กับ Jitta.com แม้ว่าจะไม่ได้ใช้กลยุทธ์การลงทุนในลักษณะเดียวกัน แต่เป็นแบบอย่างที่ดีของการพัฒนาโมเดลที่ Jitta เองก็ยังคงเดินหน้าพัฒนาตามหลักการที่เชื่อมั่นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน 

โดยเฉพาะการเป็นแพลตฟอร์มการลงทุนที่ใช้ข้อมูลขนาดใหญ่เข้ามาช่วย และใช้เทคโนโลยี AI ที่พัฒนาขึ้นมาเป็นเวลากว่า 10 ปี เพื่อสร้างโมเดลคัดกรองหุ้นคุณภาพดี ในราคาที่เหมาะสม ซึ่งช่วยให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจลงทุนได้อย่างมั่นใจและมีประสิทธิภาพมากขึ้น


"ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์" CEO Jitta Wealth เชื่อมั่นว่าการลงทุนที่ดีที่สุดคือการลงทุนในธุรกิจที่แข็งแกร่ง มีศักยภาพในการเติบโต และซื้อในราคาที่เหมาะสม ซึ่งเป็นหลักการที่สอดคล้องกับแนวคิดของ Value Investor (VI) ที่เน้นการลงทุนระยะยาวและให้ความสำคัญกับปัจจัยพื้นฐานของบริษัท

ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนมือใหม่หรือนักลงทุนมืออาชีพ การยึดมั่นในโมเดลและกระบวนการที่ผ่านการพิสูจน์แล้ว คือกุญแจสำคัญที่จะนำคุณไปสู่ความสำเร็จในการลงทุน เช่นเดียวกับที่ Jim Simons ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว

"Simons ไม่ได้เป็นเพียงแค่นักลงทุนทั่วไป แต่เขาเป็นนักปฏิวัติที่นำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารกองทุน  ซึ่งกองทุน Quant Fund ที่ใช้หลักการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลในการคัดเลือกหุ้นนี้ ผมเคยเขียนให้ผู้ที่ติดตามกรุงเทพธุรกิจไปแล้วเมื่อหลายปีก่อน คุณสามารถไปย้อนอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่"