หุ้นไทยวันนี้ (15 ก.ค.) ปิดตลาด ร่วง 4.61 จุด GDP จีน - EA กดดันดัชนีฯ
หุ้นไทยวันนี้ (15 ก.ค. 67) ตลาดหุ้นไทย ปิดเย็นอยู่ที่ 1,327.43 จุด ลบ 4.61 จุด หรือ 0.35% โบรกฯ ชี้ หุ้นไทย ได้รับแรงกดดันจากประเด็น GDP จีนต่ำคาด และประเด็นร้อนหุ้น EA กดดันดัชนีฯ คาดพรุ่งนี้ไซด์เวย์ในกรอบ 1,320 - 1,330 จุด
“หุ้นไทยวันนี้” (15 ก.ค. 67) ความเคลื่อนไหว หุ้นไทย ปิดตลาดอยู่ที่ 1,327.43 จุด ลบ 4.61 จุด หรือ 0.35% โดย ตลาดหุ้นไทย ผันผวนในทิศทางปรับตัวลงทั้งวันซึ่งทำจุดต่ำสุดวันนี้อยู่ที่ 1,320.56 จุด และสูงสุดอยู่ที่ 1,328.51 จุด มูลค่าซื้อขาย 33,582.02 ล้านบาท
ดัชนีตลาดหุ้นไทยนี้ (15 ก.ค. 67)
หุ้นไทยวันนี้ 15 ก.ค. 67 ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 ลำดับแรก ได้แก่
- SCB มูลค่า 2,820.41 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 103.00 บาท ลดลง 3.50 บาท หรือ 3.29%
- BBL มูลค่า 1,467.86 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 133.00 บาท ลดลง 2.50 บาท หรือ 1.85%
- KBANK มูลค่า 1,172.31 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 124.50 บาท ลดลง 3.50 บาท หรือ 2.73%
- ADVANC มูลค่า 1,132.95 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 223.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 0.90%
- PTT มูลค่า 1,099.69 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 32.75 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า วันนี้ ดัชนีหุ้นไทย ได้รับแรงกดดันทั้งจากปัจจัยภายในประเทศและภายนอกประเทศ
ในส่วนปัจจัยภายในประเทศ : คือแรงกดดันจากหุ้นพลังงานบริสุทธิ์ (หุ้นEA) และกลุ่มบริษัทในเครือ ที่กดดันตลาดจากกรณีสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษนายสมโภชน์ อาหุนัย และนายอมร ทรัพย์ทวีกุล กรรมการและผู้บริหาร EA และบริษัทย่อยที่ EA เป็นผู้ถือหุ้นร้อยละ 99.99 (ได้แก่ บริษัท อีเอ โซล่า นครสวรรค์ จำกัด และบริษัท อีเอ โซล่า ลำปาง จำกัด) รวมถึงนายพรเลิศ เตชะรัตโนภาส
ส่วนปัจจัยภายนอก : คือแรงกดดันจากตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนออกมาต่ำคาดที่ 4.7% แบบรายปี (YOY) ซึ่งคาดการณ์ของนักวิเคราะห์อยู่ที่ 5.1%
วันพรุ่งนี้ (16 ก.ค.) นายวิจิตร ประเมินว่า ดัชนีฯ มีแนวโน้มไซด์เวย์ออกข้างในกรอบ 1,320 - 1,330 จุด โดยแนะนำจับตาประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าจะมีมาตรการออกมากระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหรือไม่ รวมทั้งการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้
ทั้งนี้ แนะนำลงทุนแบบรายตัว (Selective Buy) ในหุ้นกลุ่มที่คาดว่าจมีผลประกอบการดีต่อเนื่อง อย่าง BETAGRO และ COCOCO