Nasdaq ร่วงหนักแรงเทขายหุ้นเทคโนโลยี

Nasdaq ร่วงหนักแรงเทขายหุ้นเทคโนโลยี

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวก แต่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ร่วงลง เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐ และจีน ส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มบริษัทผลิตชิป

ในวันพุธ (17 ก.ค.67) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 41,198.08 จุด เพิ่มขึ้น 243.60 จุด หรือ +0.59%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,588.27 จุด ลดลง 78.93 จุด หรือ -1.39% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,996.92 จุด ลดลง 512.42 จุด หรือ -2.77%

หุ้น 5 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงอย่างหนักถึง 3.72% ตามด้วยดัชนีหุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสารร่วงลง 2.1% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวขึ้นมากที่สุด โดยเพิ่มขึ้น 1.43% รองลงมาคือ ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น 1.08%

ดัชนีดาวโจนส์ปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 3  ได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นยูไนเต็ดเฮลท์ ซึ่งเป็นบริษัทด้านสุขภาพรายใหญ่ของสหรัฐ และหุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาด

อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P500 ร่วงลงกว่า 1% ส่วนดัชนี Nasdaq ดิ่งลงเกือบ 2.8% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2565 โดยดัชนีทั้ง 2 ถูกกดดันจากแรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มบริษัทผลิตชิป หลังจากมีรายงานข่าวว่า รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน กำลังพิจารณาบังคับใช้มาตรการที่เข้มงวดกับบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยี หากบริษัทเหล่านี้ยังคงอนุญาตให้บริษัทจีนเข้าถึงเทคโนโลยีของสหรัฐ

ข่าวดังกล่าวได้ฉุดหุ้น 7 บริษัทเทคโนโลยีที่มีมาร์เก็ตแคปสูง หรือ หุ้นเจ็ดนางฟ้า “Magnificent Seven” ดิ่งลงถ้วนหน้า โดยหุ้นอินวิเดีย ร่วงลง 6.6% หุ้นแอปเปิ้ล ร่วงลง 2.5% หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 1.3% หุ้นอัลฟาเบท ร่วงลง 1.5% หุ้นอะเมซอน ร่วงลง 2.6% หุ้นเทสลา ดิ่งลง 3.1% และหุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ ร่วงลง 5.7%

นอกจากนี้ รายงานดังกล่าวยังได้ฉุดดัชนีหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ที่ตลาดหุ้นฟิลาเดลเฟีย (Philadelphia SE Semiconductor Index) ร่วงลง 6.8% ซึ่งเป็นการดิ่งลงในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2563 และยังส่งผลให้ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์

ความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐ และจีนยังได้ฉุดดัชนี Russell 2000 ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มบริษัทที่มีทุนจดทะเบียน ต่ำ ปรับตัวลง 1% หลังจากที่พุ่งขึ้นติดต่อกัน 5 วันทำการเนื่องจากความหวังที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนพ.ค. ส่วนเมื่อเทียบรายปี การผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 1.6% ในเดือนมิ.ย.

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 3% สู่ระดับ 1.353 ล้านยูนิตในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.3 ล้านยูนิต ส่วนเมื่อเทียบรายปี ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านลดลง 4.4% ในเดือนมิ.ย.

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์