BAFS กำไร Q2/67 ขยายตัว 309% ค่าเสื่อมน้อยลงและงวดปีก่อนฐานต่ำ

BAFS กำไร Q2/67 ขยายตัว 309% ค่าเสื่อมน้อยลงและงวดปีก่อนฐานต่ำ

"บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ" เผย Q2/67 รายได้ 830 ล้าน เพิ่ม 12% ตามการฟื้นตัวธุรกิจท่องเที่ยว ขณะที่ค่าเสื่อมตัดจำหน่ายท่อส่งลดลงหนุนมาร์จินรวม มีกําไรสุทธิ 43 ล้าน พุ่ง 309% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 10.6 ล้าน รวม 6 เดือนปีนี้กำไรสุทธิ 126.3 ล้าน เพิ่มขึ้น 102%

บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BAFS) รายงานผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 830.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ตามการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยวและการเดินทางระหว่างประเทศของนักท่องเที่ยวเกือบทุกกลุ่ม

ทำให้ไตรมาส 2/2567 นี้รายได้รวมของกลุ่มธุรกิจ Aviation เพิ่มขึ้น 12% โดยมีปริมาณเติมน้ำมันอากาศยานเพิ่มขึ้น 159% เช่นเดียวกับกลุ่มธุรกิจ Utilities เพิ่มขึ้น 28% โดยเพิ่มขึ้นจากปริมาณขนส่งน้ำมันรวมทุกผลิตภัณฑ์ของโครงการระบบท่อส่งน้ำมันภาคเหนือ (NFPT) ที่เพิ่มขึ้น 47% จากการทำการตลาดเชิงรุกมากขึ้น สุทธิกับการลดลงของรายได้กลุ่มธุรกิจ Power ที่ลดลงจากการสิ้นสุดสัญญาเงินอุดหนุนส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder)

EBITDA ในไตรมาส 2/2567 มีจำนวน 398.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยหลักเพิ่มขึ้นจากกลุ่มธุรกิจ Aviation จากภาพรวมกำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นตามปริมาณเติมน้ำมันอากาศยาน
 

สำหรับภาพรวมของค่าใช้จ่ายดำเนินงาน (ไม่รวมค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย) เพิ่มขึ้น 12% จากค่าผลประโยชน์ตอบแทนการดำเนินกิจการให้บริการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน (Airport Concession Fee: ACF) ที่เพิ่มขึ้นตามยอดปริมาณการเติมน้ำมัน, ค่าใช้จ่ายบุคลากร และค่าซ่อมแซมรถเติมน้ำมันอากาศยานที่ผันแปรตามการให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานที่เพิ่มขึ้นเป็นหลัก

สำหรับค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายลดลง 7% เนื่องจากตั้งแต่ ไตรมาส 3/2566 เป็นต้นมา กลุ่มบริษัทได้เปลี่ยนประมาณการอายุการให้ประโยชน์ของท่อส่งน้ำมันและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง จากอายุการให้ประโยชน์เดิม 40 ปี เป็น 80 ปี นับจากวันที่ได้มาของสินทรัพย์เพื่อให้สอดคล้องกับอายุการให้ประโยชน์ตามการทบทวนโดยฝ่ายบริหารและผู้เชี่ยวชาญ

ส่งผลให้ค่าเสื่อมราคาลดลงจากช่วงเวลาเดียวกับของปีก่อน สุทธิกับการบันทึกค่าเสื่อมราคาที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดใช้บริการของอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (Satellite 1: SAT-1) ตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน 2566 สำหรับต้นทุนทางการเงินสุทธิลดลง 1% จากการที่กลุ่มบริษัทมีการจ่ายชำระเงินกู้ยืมอย่างสม่ำเสมอ

จึงทำให้ไตรมาส 2/2567 มีกําไรสุทธิในส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทจำนวน 43.4 ล้านบาท (ไตรมาส 2/2566 ทำได้ 10.6 ล้านบาท) เพิ่ม 309% โดยคิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.05 บาท และมีอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อยู่ที่ 4%

รวมผลประกอบการ 6 เดือนแรกปี 2567 มีกำไรสุทธิในส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทจำนวน 126.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 102% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.16 บาท และมีอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อยู่ที่ 6%เนื่องจากรายได้ และ EBITDA ที่เพิ่มขึ้น 10% และ 12% ตามลำดับ

โดยหลักเป็นผลมาจากการฟื้นตัวขึ้นของกลุ่มธุรกิจ Aviation ถึงแม้ว่าค่าใช้จ่ายดำเนินงานโดยรวมจะเพิ่มขึ้น 3% โดยมีสาเหตุหลักจากค่า ACF ที่เพิ่มขึ้นตามปริมาณน้ำมันที่ให้บริการและค่าใช้จ่ายบุคลากร โดยมีอัตราการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายรวมในสัดส่วนที่น้อยกว่าอัตราการเพิ่มขึ้นของรายได้