หุ้น SCAP พุ่งกระฉูด 3 วันติด ผลงานไตรมาส 2/67 กำไรโต 109% ลุ้นรัฐฯ แจกเงินสดกระตุ้น ศก.ฐานราก
หุ้น SCAP พุ่งกว่า 20.92% บวกติดต่อกัน 3 วันติด หลังผลงานไตรมาส 2/67 กำไรโต 109% "นักวิเคราะห์" ระบุ กลุ่มไฟแนซ์ รอลุ้นรัฐฯ แจกเงินสดแทนดิจิทัลวอลเล็ตหวังกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก
ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยภาคเช้า ณ วันที่ 20 ส.ค.2567 เวลา 10.05 น. หุ้น SCAP บริษัท ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล 1969 จำกัด (มหาชน) บวกพุ่งกว่า 20.92% หรือราคาเพิ่ม 0.32 บาท หรือระดับราคาอยู่ที่ 1.85 บาท
โดย หุ้น SCAP บวกเพิ่มติดต่อกันเป็นเวลา 3 วัน โดยวันที่ 16 ส.ค.2567 ปิดที่ 12.50% หรือราคาบวก 0.13 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 1.17 บาท หลังจากที่วันที่ 15 ส.ค. 2567 ประกาศงบไตรมาส 2/67 กำไรสุทธิไตรมาสที่ 2/67 อยู่ที่ 212 ล้านบาท หรือโต 109%
ขณะที่วานนี้ (19 ส.ค.2567) ปิด 30.77% หรือราคาเพิ่ม 0.36 บาท หรือระดับราคาอยู่ที่ 1.53 บาท จากกรณีที่นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ได้รับตำแหน่งใหม่ และคาดหวังว่าจะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากก่อน
อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล. ทิสโก้ ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า กลุ่มไฟแนนซ์บวกขึ้นมาตั้งแต่วานนี้ หลังจากที่มีการคาดหวังรัฐบาลใหม่ที่มีการจัดตั้งเร็ว และนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ได้กล่าวออกมาว่า จะมีการช่วยเหลือประชาชนในระดับรากหญ้าก่อน ขณะที่มีกระแสข่าวออกมาด้วยว่า อาจจะมีการปรับดิจิทัลวอลเล็ตเป็นการจ่ายเงินสดหรือไม่ ให้กับกลุ่มเปราะบางก่อน ซึ่งถือว่าเป็นการช่วยทันทีก็น่าส่งผลดี แม้ว่าจะไม่ได้เกี่ยวกับไฟแนนซ์โดยตรง แต่หากเป็นการจ่ายเงินสดจริงก็จะทำให้ประชาชนสามารถนำเงินจากที่รัฐบาลแจกจ่ายนำไปไปใช้ได้ และอาจจะทำให้ไปจ่ายหนี้ได้ก็จะทำให้สภาพหนี้นั้นดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้วยังไม่แน่ชัดว่า เงื่อนไขจะเป็นเช่นไร แต่อาจจะมีการเปลี่ยนรูปแบบที่สามารถทำได้ง่ายขึ้น
"ในช่วงนี้ ยังคงต้องติดตามเรื่องของการจัดการหนี้ และมาตรการของภาครัฐที่นอกจากเข้ามาช่วยในเรื่องของการแจกเงิน เพราะปัจจุบันหนี้ค่อนข้างสูง ซึ่งรัฐบาลพยายามแก้ไขมาตั้งแต่สมัย เศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ยังไม่มีความคืบหน้าสักเท่าไร"
ทั้งนี้ บริษัท ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล 1969 จำกัด (มหาชน) หรือ SCAP เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2/567 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,983.98 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิรวม 212.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 109.23% จากไตรมาสก่อนหน้า ทั้งนี้ ไตรมาสที่ 2 ปี 2567 อยู่ในช่วงที่บริษัทได้ดำเนินการปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์ให้ดีขึ้นและปล่อยสินเชื่อที่มีคุณภาพมากขึ้น ดังนั้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าภายใต้ปัจจัยเดียวกัน บริษัทมีผลการดำเนินงานที่เติบโตมากขึ้น สะท้อนศักยภาพในการบริหารจัดการธุรกิจที่มีเสถียรภาพท่ามกลางสภาวะกำลังซื้อที่หดตัวลง
ขณะเดียวกัน ในส่วนของผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกมีรายได้รวม 4,051.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.96% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิรวม 313.69 ล้านบาท และพอร์ตสินเชื่อรวมอยู่ที่ระดับ 34,325.49 ล้านบาท ซึ่งพอร์ตสินเชื่อขยายตัวในระดับทรงตัว สอดคล้องนโยบายบริษัทที่มุ่งเน้นการปล่อยสินเชื่อที่มีคุณภาพมากขึ้น