WHA อัปยอดขายที่ดินพุ่ง ส.ค.ปิดดีล ‘ลูกค้ารายใหญ่’ หนุนปีนี้เกิน 2.4 พันไร่
WHA ชี้ได้นายกฯ ใหม่เร็วมาจากพรรคเดิม สานต่อนโยบายได้ดึงเชื่อมั่นนักลงทุน หนุนเศรษฐกิจไทยครึ่งหลังโต ขณะที่ไตรมาส 3 นี้ คาดยอดขายที่ดินสูงสุดของปี จ่อปิดดีล “ลูกค้ารายใหญ่” ได้ จ่อปรับเป้ายอดขายที่ดินปีนี้เกิน 2,400 ไร่ เผยอุตฯ “ยานยนต์-อิเล็กทรอนิกส์-เทคโนโลยี” เด่น
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เปิดเผยว่า หลังจากตั้งนายกฯ คนใหม่ ได้เร็ว ยังคงมาจากพรรคเดิม ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้ว่า การเมืองไทย ไม่มีประเด็นอะไรมากมาย พรรคร่วมยังสนับสนุนรัฐบาล ดังนั้น รัฐบาลมาจากพรรคเดิมน่าจะสานต่อนโยบายรัฐบาลชุดเดิมต่อได้ และผลักดันเศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งหลังปี 2567 มีแนวโน้มเติบโตดีจากครึ่งแรก สนับสนุนผลการดำเนินงานในปีนี้เช่นกัน
สะท้อนภาพผลดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2567 คาดจะมียอดขายที่ดินมากสุดของปี จากปกติจะสูงสุดในไตรมาส 4 ของปี เนื่องจากดีลลูกค้ารายใหญ่ 2-3 ดีล จากกระแสการเคลื่อนย้ายฐานการผลิตมาไทย คาดว่าจะปิดดีล และเซ็นสัญญาได้ภายในปลายเดือนส.ค. นี้
โดยภายในสิ้นปีนี้ บริษัทคาดจะสามารถเซ็นสัญญาซื้อขายที่ดินได้มากกว่าเป้าหมายการขายที่ดินที่ได้ประกาศไว้เมื่อต้นปี 2567 ที่จำนวน 2,275 ไร่ ช่วงครึ่งแรกปีนี้ ทำได้เกินเป้าแล้วที่ 2,400 ไร่ ซึ่งอยู่ระหว่างทบทวนเพื่อปรับเป้าหมายขายที่ดินปีนี้ใหม่เกิน 2,400 ไร่ คาดว่าจะประกาศได้ในเดือนก.ย. นี้
ทั้งนี้ ปัจจุบันมียอดขายที่ดินรอโอนกรรมสิทธิ์ (backlog) อยู่ที่ 879 ไร่ แบ่งเป็น 871 ไร่ในไทย และอีก 8 ไร่ในเวียดนาม โดย 3 อุตสาหกรรมที่จะเป็นอนาคตของไทย ช่วยสร้างฐานการลงทุนคือ อุตสาหกรรมยานยนต์ รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้า (EV), อิเล็กทรอนิกส์ เซมิคอนดักเตอร์ ที่จะได้ประโยชน์จากการเคลื่อนย้ายฐานผลิตจากจีน และกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งมีลูกค้ากลุ่มดาต้าเซนเตอร์เข้ามาคุยหลายราย
“ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมในไทย ที่ได้รับอานิสงส์ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทำให้เกิดกระแสการย้ายฐานลงทุน และการผลิตมายังไทยมากขึ้น ประกอบกับราคาขายที่ดินเฉลี่ยที่ยังคงมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อเนื่อ ในปีนี้มีการพัฒนาที่ดินถึง 5 นิคมฯ พร้อมกัน จากปกติจะพัฒนาที่ดินปีละ 1 นิคมฯ เท่านั้น”
ส่วนธุรกิจให้เช่าโรงงาน และคลังสินค้า มีพื้นที่เช่าเพิ่ม 200,000 ตารางเมตร และธุรกิจไฟฟ้า มีกำลังผลิตรวม 1,000 เมกะวัตต์ และธุรกิจ Green Logistic มีจำนวนรถไฟฟ้าให้เช่า 1,000 คัน ทั้งนี้ธุรกิจอื่นๆ ยังเดินหน้าได้ตามแผนที่วางไว้
นางจรีพร กล่าวต่อว่า ครึ่งปีหลังบริษัทไม่เป็นห่วงเรื่องสภาพคล่องแต่อย่างใด เนื่องจากสิ้นไตรมาส 2 ปีนี้ บริษัทมีเงินสดในมือ 5,500 ล้านบาท มากกว่าหนี้ที่จะครบกำหนดช่วงครึ่งหลังปีนี้ 3,900 ล้านบาท และยังมีสถาบันการเงินพร้อมให้วงเงินเพิ่มเติม ด้วยต้นทุนที่ดีมากๆ ดังนั้น กรณีเงินบาทผันผวน และไม่สามารถเพิ่มในกองทุนได้ จึงไม่ได้กังวลเรื่องสภาพคล่อง และกระแสเงินสด
นอกจากนี้ หลังจากทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (WHART) ไม่สามารถเพิ่มทุนได้ในปีนี้ หลังไม่ผ่านมติที่ประชุมผู้ถือหน่วยนั้น ขอยืนยันว่าแม้จะไม่สามารถเพิ่มทุนได้ในปีนี้ ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้ แต่อย่างใด จะเห็นได้ว่า ครึ่งปีแรกปีนี้ ทั้งรายได้ และอิบิทดาเติบโตสูงมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
“ผู้ถือหน่วยโหวตไม่ผ่านอาจเพิ่มกังวลเศรษฐกิจปีนี้ไม่ดี แต่เราคาดว่า ปีหน้าสถานการณ์น่าจะดีขึ้นคงต้องไปพบพูดคุยกับผู้ถือหน่วยลงทุนกอง WHART เพิ่มเติม และที่ผ่านมาผู้ลงทุนอยากให้กองทุนมีการเพิ่มทุน เพราะเป็นกองทุนที่ดี มีการจ่ายปันผลระดับที่ดีถึง 70 สตางค์ต่อปี แม้ในปีที่มีโควิด-19 ระบาด และเป็นกองทุนที่มีสภาพคล่องสูง 5-6 หมื่นล้านบาท”
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์