ทำไมหุ้น Nvidia ร่วงแรง แม้เติบโตทะลุ 100% บริษัทยังดีไม่พอ หรือ นักลงทุนไม่พอดี?

ทำไมหุ้น Nvidia ร่วงแรง แม้เติบโตทะลุ 100% บริษัทยังดีไม่พอ หรือ นักลงทุนไม่พอดี?

ทำไมหุ้น Nvidia ร่วงแรง แม้รายได้เติบโต 100% แต่ไม่อาจเอาชนะความคาดหวังของนักลงทุนที่เคยชินกับ‘ความสำเร็จ’แบบทะลุเป้าในอดีต จนไม่มีช่องว่างของความผิดพลาด กำลังกลายเป็น‘ดาบ 2 คม’ ฉุดอุตสาหกรรม AI

KEY

POINTS

  • 'อินวิเดีย' เผยรายได้สูงเป็นประวัติการณ์ที่ 3 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่นักลงทุนก็ยังไม่ประทับใจ ฉุดหุ้นร่วงกว่า 7% มูลค่าตลาดหายไปกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์
  • ความสำเร็จในอดีตคือ ‘ดาบ 2 คม’ เมื่อผลประกอบการไตรมาส 2 ไม่ทะลุเป้าแบบครั้งก่อนๆ จนการเติบโตแบบเดิมไม่เพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการของนักลงทุนอีกต่อไป

  • จุดกระแสความกังวลของนักลงทุนว่าหุ้นบิ๊กเทคจะกลับมาทบทวนการลงทุนมหาศาลใน AI ฉุดหุ้นเทค AI ร่วง

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ผลประกอบการของ “อินวิเดีย” Nvidia บริษัทเทคยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตชิปปัญญาประดิษฐ์(AI)ที่ออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ แม้เป็นการเติบโตต่อเนื่องติดต่อกัน 4 ไตรมาส แต่ก็ยังไม่สามารถดันราคาหุ้นให้ปรับตัวสูงขึ้น แถมยังฉุดราคาหุ้นในการซื้อขายหลังปิดตลาด (After hour) ร่วงลงกว่า 7% ส่งผลให้มูลค่าตลาดหายไปกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์ ลามไปถึงดัชนี Nasdaq Futures ที่ร่วงลงราว 1% 

ราคาหุ้นที่ร่วงลง หลังจากบริษัทประกาศการคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ตามข้อมูลของ LSEG คาดการณ์ว่า Nvidia ว่าจะทำรายได้ประมาณ 3.2 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าประมาณการประมาณ 2% ซึ่งไม่สามารถทลายกำแพงความคาดหวังของนักลงทุนได้ เนื่องจากการวางเดิมพันเงินหลายพันล้านดอลลาร์ในอนาคตของ AI 

ความสำเร็จในอดีตคือ ‘ดาบ 2 คม’

ไรอัน ดีทริก หัวหน้านักวิเคราะห์ตลาดของ Carson Group ชี้ให้เห็นว่า ปัญหาอยู่ที่ตลาดคาดหวังผลกำไรที่สูงเกินจริง จากผลประกอบการที่ยอดเยี่ยมของ Nvidia ในอดีตทำให้ตลาดคาดหวังผลกำไรที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าบริษัทจะทำผลประกอบการได้ดี แต่ก็ไม่สามารถตอบสนองความคาดหวังของนักลงทุนได้

“การเติบโตของรายได้ 122% นั้นน่าประทับใจ แต่ไม่เพียงพอที่จะดันราคาหุ้นให้สูงขึ้นได้ เนื่องจากนักลงทุนตั้งเป้าหมายไว้สูงมากสำหรับไตรมาสนี้"ดีทริก กล่าว

เมื่อเปรียบเทียบกับผลประกอบการในไตรมาสที่ผ่านมา ผลประกอบการในไตรมาสนี้ของบริษัทดูจะแผ่วลงไป โดยไม่สามารถทำผลประกอบการที่เกินคาดเหมือนครั้งก่อนๆ แม้ว่าตัวเลขจะยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่ดีก็ตาม รวมทั้งการที่บริษัทจะประกาศซื้อหุ้นคืนมูลค่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ ก็ไม่สามารถดึงดูดความสนใจของนักลงทุนได้มากนัก

Nvidia ประสบความสำเร็จในการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมา ด้วยอัตราการเติบโตของรายได้มากกว่า 200% อย่างต่อเนื่อง ทว่าความสำเร็จที่โดดเด่นนี้กลับกลายเป็น “ดาบสองคม”  เนื่องจากตลาดได้ปรับเป้าหมายการเติบโตของบริษัทให้สูงขึ้นอย่างมาก ทำให้การรักษาอัตราการเติบโตในระดับเดิมเป็นเรื่องที่ท้าทายยิ่งขึ้น จนถึงจุดที่การเติบโตในระดับเดิมอาจไม่เพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการของนักลงทุนอีกต่อไป

เดวิด บาห์นเซ่น ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Bahnsen Group กล่าวกับยาฮูไฟแนนซ์ว่า การเติบโตของกำไรที่คาดการณ์ไว้นั้นได้ถูกคาดหมายไว้แล้วตั้งแต่ 1 ปีก่อน ซึ่งถูกตีราคาไว้ในอัตราส่วนที่สูงมากในขณะนั้น พร้อมกับตั้งคำถามว่า นักลงทุนรายใหม่ "กำลังจ่ายเงินเพื่อซื้อบริษัทที่มูลค่าถูกรับรู้ไปแล้วหรือไม่"

"กำไร 70 เท่าพร้อมกับการเติบโตของกำไร 100% ได้ถูกคิดราคาไว้แล้ว และไม่มีช่องว่างสำหรับข้อผิดพลาดเลย ซึ่งบริษัทไม่สามารถรักษาแนวโน้มการเติบโตในลักษณะนี้ไปได้ตลอด” 

ทำไมหุ้น Nvidia ร่วงแรง แม้เติบโตทะลุ 100% บริษัทยังดีไม่พอ หรือ นักลงทุนไม่พอดี?

อุตสาหกรรม AI ขึ้นอยู่กับ Nvidia

หลังจากทำสถิติราคาหุ้นพุ่งสูงขึ้นกว่า 150% ในปีนี้ ทำให้มูลค่าบริษัทสูงถึง 1.82 ล้านล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ดัชนี S&P 500 พุ่งสูงขึ้นตามไปด้วย แต่ล่าสุด Nvidia ก็เผชิญกับการพลิกผันครั้งใหญ่ เมื่อราคาหุ้นร่วงลงอย่างหนัก หากราคาหุ้นยังคงร่วงลงอย่างต่อเนื่อง อาจทำให้มูลค่าบริษัทต้องหายไปถึง 175,000 ล้านดอลลาร์ และแน่นอนว่าจะต้องส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้น

เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปยังบริษัทอื่นๆ ในอุตสาหกรรม AI  โดยมีรายงานว่ามูลค่าบริษัทเหล่านี้หายไปประมาณ 1 แสนล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ การคาดการณ์ผลประกอบการที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมายของ Nvidia พร้อมกับจุดกระแสความกังวลครั้งใหม่ให้นักลงทุนเกี่ยวกับผลตอบแทนจากการลงทุนในเทคโนโลยี  AI ว่าบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่จะต้องทบทวนแผนการลงทุนมหาศาลในศูนย์ข้อมูลเพื่อรองรับการเติบโตของ AI

ลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของ Nvidia อย่าง ไมโครซอฟท์(Microsoft) ,อัลฟอเบท(Alphabet), อเมซอน(Amazone)และเมตา( Meta ) คาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายด้านทุนมากกว่า 200,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI โดย หุ้นของบริษัทเหล่านี้ร่วงลงน้อยกว่า 1% ในการซื้อขายหลังปิดตลาดเมื่อวันพุธ

เจคอบ เบิร์น นักวิเคราะห์จาก eMarketer ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความกังวลที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุนเกี่ยวกับตลาด Generative AI โดยระบุว่า "นี่เป็นการสะท้อนถึงความกังวลที่เพิ่มมากขึ้นของนักลงทุนเกี่ยวกับความอยู่รอดในระยะยาวของตลาด Generative AI โดยที่ตลาดทั้งหมดดูเหมือนจะขึ้นอยู่กับผลงานของ Nvidia"

นอกจากความกังวลเรื่องการพึ่งพา Nvidia อย่างมากในตลาด Generative AI แล้ว บริษัทยังเผชิญหน้ากับความท้าทายใหม่จากการตรวจสอบทางกฎหมายที่เข้มงวดขึ้น ในเอกสารรายงานผลประกอบการล่าสุด Nvidia เปิดเผยว่า บริษัทได้รับคำขอข้อมูลจากหน่วยงานกำกับดูแลทั้งในสหรัฐอเมริกา และเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นการขยายวงกว้างจากการตรวจสอบก่อนหน้านี้ที่เคยได้รับจากสหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร และจีน เกี่ยวกับ "การขาย ชิปประมวลผลกราฟิก (GPU) ซึ่งสร้างความไม่แน่นอนให้กับธุรกิจของ Nvidia และส่งผลกระทบต่อราคาหุ้น

มั่นใจรายได้จากชิป Blackwell 

“เจนเซน หวง” ซีอีโอของ Nvidia  ยังคงเน้นย้ำถึงความต้องการ GPU ที่ทรงพลัง และไม่เคยลดลงของอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเทคโนโลยี AI เชิงสร้างสรรค์อย่าง ChatGPT ที่พัฒนาโดย OpenAI โดยระบุว่า "ความต้องการของคุณนั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ"

นอกจากนี้ บริษัทระบุว่ากำลังจัดส่งตัวอย่าง Blackwell ให้กับพันธมิตร และลูกค้าหลังจากปรับเปลี่ยนการออกแบบ และคาดว่าจะมีรายได้หลายพันล้านดอลลาร์จากชิปเหล่านี้ในไตรมาสที่ 4

 

 


พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์