GGC เผยคดีพิพาท ACAP ถึงที่สุด ได้ตั้งสำรอง 444 ล้านแล้ว ยันไม่กระทบ

GGC เผยคดีพิพาท ACAP ถึงที่สุด ได้ตั้งสำรอง 444 ล้านแล้ว ยันไม่กระทบ

"โกลบอลกรีนเคมิคอล" เผยคดีที่ "เอเชีย แคปปิตอล กรุ๊ป" ฟ้องแพ่งตั้งแต่ 20 ส.ค. 61 ล่าสุด 3 ก.ย. 67 ผลฎีกาถึงที่สุด ต้องชดใช้ 400 ล้าน โดยมีตั้งสำรองไว้แล้ว 444 ล้าน ยันมีสภาพคล่องพอและไม่กระทบผลดำเนินงาน

นายกฤษฎา ประเสริฐสุโข กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) (GGC) แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ตามเอกสารที่อ้างถึงบริษัทเปิดเผยข้อพิพาทของบริษัทที่ยังไม่สิ้นสุด ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญไว้

กล่าวคือ เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2561 บริษัท เอเชีย แคปปิตอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (ACAP) (โจทก์) ขึ้นฟ้อง บริษัท ไทย ไบโออินโนเวชั่น จำกัด (ชื่อเดิม บริษัท อนัตตา กรีน จำกัด) เป็นจำเลยที่ 1 และบริษัทเป็นจำเลยที่ 2 ต่อศาลแพ่งเป็นคดีหมายเลขดำที่ พ.4702/2561

กล่าวหาว่า บริษัทปฏิบัติผิดสัญญาตามหนังสือให้ความยินยอมให้โอนสิทธิ์เรียกร้อง ซึ่งจำเลยที่ 1 ได้โอนสิทธิ์การรับเงินค่าน้ำมันปาล์มให้กับโจทก์ โดยเรียกร้องให้บริษัทชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 324.65 ล้านบาท และดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี

ต่อมาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาให้บริษัทชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์เป็นเงินจำนวน 289.56 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปีเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2563 และ 20 มกราคม 2565 ตามลำดับ ซึ่งคดีดังกล่าวเกี่ยวข้องกับประเด็นการทุจริตสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบของบริษัทเมื่อปี 2561 นั้น

ความคืบหน้าของคดีดังกล่าวข้างต้น บริษัทใช้สิทธิขึ้นฎีกา และเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2567 ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นว่า ให้บริษัทชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์เป็นเงินจำนวน 289.56 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันผิดนัดแต่ละสัญญา จนถึงวันที่ 10 เมษายน 2564 และร้อยละ 5 ต่อปี นับแต่ วันที่ 11 เมษายน 2564 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ

ส่งผลให้บริษัทต้องชำระเงินให้แก่โจทก์จำนวนประมาณ 400 ล้านบาท (รวมดอกเบี้ย แต่ไม่รวมค่าฤชาธรรรมเนียมศาล) บริษัทได้ตั้งสำรองหนี้สินสำหรับคดีนี้ไว้แล้วจำนวน 444 ล้านบาท ซึ่งจำนวนตั้งสำรองหนี้สินดังกล่าวได้ครอบคลุมหนี้ตามคำพิพากษาทั้งหมดแล้ว และไม่กระทบต่องบการเงินของบริษัท

ทั้งนี้ บริษัทมีสินทรัพย์และสภาพคล่องเพียงพอในการชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้ ดังนั้นผลของคำพิพากษาข้างต้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทแต่อย่างใด