หุ้น Nvidia ดิ่งหนัก 9.5% มูลค่าหายเกือบ 3 แสนล้านดอลลาร์ ฉุดหุ้นชิปร่วงยกแผง

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า หุ้น “อินวิเดีย” (Nvidia) ร่วงลงอย่างหนักถึง 9.5% ซึ่งส่งผลให้มูลค่าตลาดหายไปกว่า 278,900 ล้านดอลลาร์ (ราว 9.5 ล้านล้านบาท) โดยราคาหุ้น Nvidia ร่วงลงต่อเนื่องติดต่อกัน 3 วันทำการ ส่งผลให้ราคาหุ้นโดยรวมปรับตัวลดลงถึง 14% ซึ่งถือว่าหุ้นของอินวิเดียร่วงลงครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

หุ้นของบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมชิป และเซมิคอนดักเตอร์ก็ร่วงลงตามไปด้วยโดย อินเทล(Intel)ลดลงเกือบ 8%, มาร์เวล( Marvell)ลดลง 8.2%,  บอร์ดคอม(Broadcom)ลดลง 6%, เอเอ็มดี(AMD) ลดลง 7.8% และควอลคอมม์(Qualcomm) ร่วงลงเกือบ 7% 

นอกจากนี้ดัชนี VanEck Semiconductor ETF (SMH) ซึ่งเป็นดัชนีที่ติดตามหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ทั่วไป ร่วงลงอย่างหนักถึง 7.5% เมื่อวานนี้ นับเป็นการลดลงที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2563

หุ้น Nvidia ร่วงลงอีก 2% ในช่วงท้ายของการซื้อขาย หลังจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ ส่งหมายเรียกสอบสวนถึงบริษัท และบริษัทอื่นๆ เนื่องจากต้องการหลักฐานว่าผู้ผลิตชิปรายนี้ละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด

ตลาดหุ้นสหรัฐผันผวนอย่างรุนแรงในวันอังคารที่ 3 ก.ย.67 หลังจากดัชนีภาคการผลิต ISM รายงานตัวเลขเดือนส.ค.ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนแอของภาคการผลิตสหรัฐ ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนถึงความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย อย่างไรก็ตาม ในอีกด้านหนึ่ง ตัวเลขที่อ่อนแอลงก็อาจเป็นปัจจัยบวกที่ผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

ตลาดหุ้นเผชิญกับความผันผวนอย่างต่อเนื่อง จากแรงกดดันด้านเศรษฐกิจ ซึ่งความไม่แน่นอนเกี่ยวกับศักยภาพของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่กดดันตลาดหุ้น โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยี

เจพีมอร์แกน และแบล็คร็อคได้แสดงมุมมองที่แตกต่างกันเกี่ยวกับศักยภาพของ AI ในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ นำโดย ไมเคิล เซมบาเลสต์ จากเจพีมอร์แกน มองว่าการลงทุนใน AI จะคุ้มค่าก็ต่อเมื่อมีอุปสงค์จากนอกภาคเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ในขณะที่ ฌอง บัววิน จากแบล็คร็อค เชื่อว่านักลงทุนต้องอดทนรอผลตอบแทนจาก AI ก่อนที่ AI จะก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุด ซึ่งอาจใช้เวลาหลายปีไม่ใช่แค่ 4 ไตรมาส

อ้างอิง bloomberg CNBC

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์