หุ้นกลุ่มน้ำมัน-โรงกลั่นทรุด โบรกจ่อหั่นเป้า‘กำไร’ทั้งปี

หุ้นกลุ่มน้ำมัน-โรงกลั่นทรุด  โบรกจ่อหั่นเป้า‘กำไร’ทั้งปี

“กลุ่มน้ำมัน-โรงกลั่น” ดิ่งยกแผงนำทีมโดย “หุ้นปตท.” ร่วง 2.96% หลังราคาน้ำดิบร่วงแรง จาก กลุ่มโอเปกประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์ความต้องการน้ำมันในปีนี้ลดลง “บล.ลิเบอเรเตอร์” ชี้ระยะสั้นถูกกดดันจากปัจจัยลบทั้งในและนอกประเทศ เผยมีความเสี่ยงหั่นเป้าหมาย “กำไร” ปีนี้

วานนี้ (11 ก.ย.) หุ้นกลุ่มน้ำมันและโรงกลั่น ราคาหุ้นปรับตัวลงแรงยกแผง นำทีมโดยกลุ่ม PTT -2.96% TOP -3.96% PTTEP-1.43% OR-1.78% IRPC 1.68% BSRC 2.78% SPRC -2.68% BCP -2.61%

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ลิเบอเรเตอร์ เปิดเผยว่า ราคาหุ้นกลุ่มพลังงานต้นน้ำ (น้ำมัน) และกลางน้ำ (โรงกลั่น) ปรับตัวลงถูกแรงกดดัน ทั้งปัจจัยภายนอกและภายในประเทศ สำหรับปัจจัยนอกประเทศ มาจากราคาน้ำมันปรับตัวย่อลง  หลัง OPEC ปรับลดคาดการณ์ความต้องการน้ำมันลง  และมีสัญญาณภาคการผลิตสหรัฐฯ หดตัวเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน และเศรษฐกิจจีนยังฟื้นตัวช้า ทำให้ปริมาณความต้องการใช้น้ำมันหดตัวลง 

อีกทั้ง ปัจจัยในประเทศจากจิตวิทยาลบ กรณีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ยืนยันแผนปรับโครงสร้างราคาพลังงาน มีโอกาสทำให้ราคาขายน้ำมันลดลง กดดันกลุ่มพลังงาน ล่าสุด หุ้นพลังงานต้นน้ำ (YTD) -8.8% Underperform SET ที่ +0.9% 

 ขณะที่กลุ่มโรงกลั่นคาดสเปรดค่าการกลั่นน่าจะยังไม่กลับมาและมีความเสี่ยงโอกาสขาดทุนสต็อกน้ำมัน หากราคาน้ำมันปรับตัวลงในช่วงไตรมาส 3 ปี 2567 จากก่อนหน้านี้กลุ่มโรงกลั่น ยังมองในช่วงไตรมาส 3 ปี 2567 จะกลับมาปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 2 ปี 2567 เพราะไตรมาส 3 โดยปกติฤดูกาลดีดตัวอีกครั้งก่อนเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวปลายไตรมาส 4 

ดังนั้น ภาพรวมทั้งราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ถูกผลกระทบและรัฐบาลยังยืนแผนปรับโครงสร้างราคาพลังงานเช่นนี้ มองมีโอกาสงบไตรมาส 3 ปี 2567 ของกลุ่มน้ำมันและโรงกลั่นในระยะสั้นยังไม่ดี และในระยะถัดไป หากสถานการณ์ราคาน้ำมันคาดน้ำมันดิบเบรนท์ยังยืนที่ระดับ +/-70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากปัจจุบันหลุดระดับดังกล่าวแล้ว ซึ่งมีโอกาสที่นักวิเคราะห์ปรับลดคาดการณ์กำไรของกลุ่มพลังงานและโรงกลั่นปีนี้ลงได้ 

สำหรับกลยุทธ์หุ้นกลุ่มน้ำมันและโรงกลั่นระยะสั้นถูกกดดันจากปัจจัยลบทั้งในและนอกประเทศ แนะนำ “รอหุ้นปรับฐาน” ไม่รีบร้อน จนกว่าจะประกาศงบไตรมาส 3 ปี 2567 ก่อน และแผนปรับโครงสร้างราคาพลังานของรัฐบาลชัดเจนขึ้น

    ขณะที่ราคาน้ำมันคาดระยะมีโอกาสที่จะเด้งกลับขึ้นมาบ้างหลังจากปรับตัวลงลึกสะท้อนรับข่าวลบไปแล้ว แต่คาดราคาน้ำมัน ดิบเบรนท์ คงไม่ขยับขึ้นถึง 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลได้ในเวลาอันสั้น รอความต้องการน้ำมันกลับมาช่วงฤดูหนาวปลายไตรมาส 4 อีกครั้ง และติดตามการแก้ไขปัญหาระหว่างประเทศอาจเป็นปัจจัยบวกต่อราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นได้  

นายรัฐศักดิ์ พิริยะอนนท์ ผู้อำนวยการอาวุโส บล.กสิกรไทย กล่าวว่า หลายปัจจัยเป็นลบกดดันต่อกลุ่มพลังงานและโรงกลั่น มองแนวโน้มที่เหลือปีนี้ราคาน้ำมันดิบแกว่งตัวในระดับต่ำในกรอบ 60-70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แนะนำ “รอหุ้นปรับฐาน” ก่อนอาจค่อยกลับเข้าทยอยสะสม   

อย่างไรก็ดี ด้วยแนวโน้มราคาพลังงานปรับตัวลดลงและค่าเงินบาทแข็งค่า เรามองเป็นบวกต่อหุ้นสายการบินโดยเฉพาะ AAV ที่เชื่อว่าจะได้ประโยชน์จากต้นทุนที่ปรับตัวลงในช่วงไตรมาส 3 ปี 2567 

     นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ Head of Global Investment Strategy บล.ฟินันเซียไซรัส  กล่าวว่า กลุ่มพลังงานต้นน้ำ กลางน้ำ ถูกกกดันจากน้ำมันลง รวมถึงกังวล demand growth แผ่ว สงครามเริ่มยุติลง แนะนำไปหาโอกาสฟื้นคืนชีพระยะสั้น กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันลง จากบอนด์ยีลด์และบาทแข็ง ในกลุ่มโรงไฟฟ้า ได้แก่ BGRIM ,GPSC