"โออาร์" สนใจถือ "โอ้กะจู๋" เพิ่ม จับมือต่อยอดขยายสาขาในปั๊ม-ร้านอเมซอน
บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) เจ้าของแบรนด์ "โอ้กะจู๋" ระดมทุนราว 1,023.9 ล้าน เข้าตลาดหุ้นกระดาน SET เทรดวันแรก 4 ต.ค. 67 ใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ OKJ
“โอ้กะจู๋” แย้ม “โออาร์” เคยขอถือหุ้นถึงระดับ 30% แต่สุดท้ายถือ 20% หลังเข้าระดมทุน รับเลือกแนวทางสร้างการเติบโตระหว่างกันด้วยการจับมือ “ต่อยอดธุรกิจร่วมกัน” ทั้งผ่านขยายสาขาในปั๊มน้ำมัน-ร้านคาเฟ่อเมซอน เผย “กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม” จะทำรายการบิ๊กล็อตที่ราคาไอพีโอ 6.70 บาท เพื่อให้พันธมิตรยังคงสัดส่วนถือหุ้นเท่าเดิม พร้อมลุยเทรดวันแรก 4 ต.ค. 67
นายชลากร เอกชัยพัฒนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) หรือ OKJ เปิดเผยว่า ปัจจุบันอยู่ระหว่างระดมทุนเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 159 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกิน 26.1% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมด ในราคาหุ้นละ 6.70 บาท โดยจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันแรก (เทรด) 4 ต.ค. 2567 นี้
ราคาเสนอขายข้างต้นพิจารณาจากกำไรสุทธิของบริษัทในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง (วันที่ 1 ก.ค.66 - 30 มิ.ย.67) ซึ่งเท่ากับ 169.08 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัท ซึ่งหลังจากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ (Fully Diluted) ซึ่งเท่ากับ 609 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.28 บาทต่อหุ้น จะคิดเป็นอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) ประมาณ 24.13 เท่า
ทั้งนี้ กำหนดจัดสรรให้นักลงทุนสถาบัน 79 ล้านหุ้น หรือ 50% จากที่เสนอขาย โดยจากการทำสำรวจความต้องการจองซื้อของนักลงทุนสถาบัน (Book Building) ถือว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มีนักลงทุนสถาบันแสดงความต้องการจองซื้อเกินกว่าจำนวนหุ้นที่จัดสรรไว้ 11 เท่า
ในส่วนผู้ถือหุ้นเดิมจะนำหุ้นจำนวน 55% ของหุ้นสามัญทั้งหมดฝากไว้ที่ศูนย์ฝากหลักทรัพย์เป็นเวลา 1 ปีนับแต่หุ้นเริ่มทำการซื้อขาย ส่วนที่เหลือฝากไว้กับบริษัทหลักทรัพย์ (บล.)บัวหลวง ติดไซเรนต์พีเรียด 180 วัน ขณะที่เตรียมเปิดให้นักลงทุนจองทั่วไปซื้อหุ้น IPO ระหว่าง 23-25 ก.ย. 2567
นอกจากนี้ เพื่อคงความเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่ง ภายหลัง IPO ทางบริษัท มอดูลัส เวนเจอร์ จำกัด (Modulus) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ได้ทำสัญญาซื้อขายหุ้น
โดยจะซื้อหุ้นสามัญเดิมจากผู้ร่วมก่อตั้งรวม 31.8 ล้านหุ้น คิดเป็น 5.2% ของจำนวนหุ้นหลัง IPO บนกระดานรายใหญ่ (Big Lot Board) ในราคาเดียวกับราคาเสนอขายหุ้น IPO ในวันแรกที่หุ้น OKJ เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อรักษาสัดส่วนการถือหุ้นที่ 20% ภายหลังการ IPO แม้ก่อนหน้านี้ OR ได้เคยแสดงเจตนาจะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นให้มากถึงระดับ 30% แต่สรุปสุดท้ายอยู่ที่สัดส่วน 20%
ที่ผ่านมาบริษัทได้รับการสนับสนุนจาก OR ด้านข้อมูลธุรกิจ การวิเคราะห์โอกาสทางการตลาด และระบบความเป็นมืออาชีพเชิงการบริหาร อีกทั้งบริษัทคาดหวังจะได้เห็นความร่วมมือในการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ หรือเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่เหมาะสม และตรงกับกลุ่มเป้าหมายเพื่อวางจำหน่ายในร้านคาเฟ่ อเมซอน (Café Amazon) และทุกช่องทางของกลุ่ม OR ต่อไป
"ตอนแรกที่ทาง OR เข้ามาร่วมมือกับเรามีการยื่นข้อเสนอขอถือหุ้นสัดส่วนถึง 30% สุดท้ายก็สรุปให้ OR เข้ามาถือแค่ 20% เราเคยลองศึกษาหลายวิธีการจึงได้ข้อสรุปว่าผู้ถือหุ้นเดิมจะยอมขายหุ้นบางส่วนให้เพื่อเกิด Synergy ระหว่างกัน และให้ OR ยังคงรักษาสัดส่วนการถือหุ้นไว้ตามเดิมได้"
นายชลากร กล่าวต่อว่า เงินระดมทุนที่คาดได้ประมาณ 1,023.9 ล้านบาท โดยหลักราว 75% นำไปใช้ขยายธุรกิจรายละเอียด ประกอบด้วย การขยายสาขา 753.9-758.9 ล้านบาท ก่อสร้างครัวกลางกรุงเทพฯ แห่งใหม่ 190-230 ล้านบาท พัฒนาเครื่องจักร 30-50 ล้านบาท ชำระคืนเงินกู้ระยะยาว 0-50 ล้านบาท
ขณะที่ ปีนี้บริษัทมีแผนจะขยายร้านโอ้กะจู๋จากปัจจุบันมี 33 สาขา ตั้งเป้าขยายครบ 67 สาขา ในปี 2571 คาดใช้เงินสาขาละ 15 ล้านบาท ปัจจุบันการเติบโตเฉลี่ยของยอดขายต่อสาขาอยู่ที่ 9% และจะเพิ่มสาขาธุรกิจใหม่ภายใต้แบรนด์ “Ohkajhu Wrap & Roll” และ “Oh! Juice” และมีแผนจะขยายสาขาร้านใหม่ทั้ง 2 แบรนด์อย่างต่อเนื่องให้ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล หรือเมืองท่องเที่ยวสำคัญ
โดยตั้งเป้าหมายการขยายสาขาทั้ง 2 แบรนด์ ที่คาดใช้เงินเพียง 1.5 ล้านบาทต่อสาขา รวมประมาณ 90 สาขา ภายในปี 2571 แบ่งเป็น Ohkajhu Wrap & Roll 20 สาขา จากปัจจุบัน 1 สาขา และ Oh! Juice 70 สาขา จากปัจจุบัน 6 สาขา รวมถึงมีแผนพัฒนาแบรนด์อื่น ๆ เพิ่มเติม
“จากแผนการขยายสาขาเพิ่มเติมเชื่อว่าในปี 2568 แบรนด์โอ้กะจู๋ จะขึ้นเป็นผู้นำธุรกิจร้านอาหารประเภทสลัดได้จากคุณภาพและความแตกต่างของสินค้าที่จะมีเพิ่มเติมต่อเนื่อง”