เทียบฟอร์ม 9 หุ้น ร้านอาหารดัง หลัง 'โอ้กะจู๋' เตรียมเข้าเทรด 4 ต.ค.นี้

เทียบฟอร์ม 9 หุ้น ร้านอาหารดัง หลัง 'โอ้กะจู๋' เตรียมเข้าเทรด 4 ต.ค.นี้

เทียบฟอร์ม 9 หุ้น ร้านอาหารดัง ล่าสุด 'โอ้กะจู๋' เตรียมเข้าเทรด 4 ต.ค.นี้ ราคา IPO  6.70 บาท กำไรครึ่งปี 67 ที่ 102.36 ล้านบาท ปัจจุบันมี 33 สาขา ตั้งเป้าขยายเพิ่ม 67 สาขา ในปี 2571

การแข่งขันธุรกิจร้านอาหารดุเดือดรุนแรงขึ้นทุกอณู ซึ่งทุกวันนี้มีร้านอาหารเกิดใหม่ผุดขึ้นมากมาย หวังชิงส่วนแบ่งทางการตลาด โดยการหาจุดเด่น จุดแข็งเพื่อช่วงชิงพื้นที่ ล่าสุด'โอ้กะจู๋' หรือ บมจ.ปลูกผักเพราะรักแม่ (OKJ) ผู้ให้บริการและจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ภายใต้คอนเซปต์ 'Be Organic from Farm to Table' กำลังจะรันในวงการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ผ่านการเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก ในวันที่ 4 ต.ค.นี้ และได้เปิดให้จองซื้อในระหว่างนี้ 23 ถึง 25 ก.ย.2567 โดย 'โอ้กะจู๋' เป็น 1 ในร้านอาหารที่โด่งดัง มีรายได้มากกว่า 1 พันล้านบาทต่อปี ทำให้เจ้าของคิดใหญ่ เข้ามาระดมทุนในตลาดหุ้นไทย ทั้งนี้ "กรุงเทพธุรกิจ" ได้สำรวจร้านอาหารชื่อดังที่ซ้อนอยู่ในหุ้นหลักทรัพย์ใดกันบ้าง (ข้อมูลตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ณ 20 ก.ย.2567)

1.บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) หรือ โอ้กะจู๋ (OKJ)

  • เข้าเทรดวันแรก 4 ต.ค.67
  • ราคา IPO  6.70 บาท
  • P/E 24.13 เท่า 
  • รายได้ครึ่งปี 67 ที่  1,110.73 ล้านบาท 
  • กำไรครึ่งปี 67 ที่ 102.36 ล้านบาท
  • โอ้กะจู๋ปัจจุบันมี 33 สาขา ตั้งเป้าขยายเพิ่ม 67 สาขา ในปี 2571 
  • มีร้านในเครือเดียวกัน Ohkajhu Wrap & Roll มี 1 สาขา  และ Oh! Juice มี 70 สาขา 

 

2.บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT

  • เข้าเทรดวันแรก 14 ต.ค.31
  • ราคา 28.75 บาท
  • P/E 23.17 เท่า 
  • รายได้ครึ่งปี 67 ที่  82,121.36 ล้านบาท 
  • กำไรครึ่งปี 67 ที่ 3,969.30 ล้านบาท
  • มี 9 ร้านอาหารดัง ได้แก่ เบนิฮานา 21 สาขา เดอะ พิซซ่า คอมปะนี  588 สาขา ร้านอาหาร Beijing Riverside & Courtyard 145 สาขา ไทย เอ็กซ์เพรส กรุ๊ป 106 สาขา บอนชอน 118 สาขา พูเลท์ (Poulet) 14 สาขา กาก้า 41 สาขา ซิซซ์เล่อร์ 73 สาขา เบอร์เกอร์ คิง 130 สาขา

3.บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) CENTEL

  • เข้าเทรดวันแรก 10 ม.ค.33
  • ราคา 39.25 บาท
  • P/E 38.00 เท่า 
  • รายได้ครึ่งปี 67 ที่  12,236.05 ล้านบาท 
  • กำไรครึ่งปี 67 ที่ 922.84 ล้านบาท
  • มี 19 ร้านอาหารดัง ได้แก่ เปปเปอร์ ลันช์ 49 สาขา ชาบููตง ราเมนี 12 สาขา โยชิโนยะ 26 สาขา โอโตยะ 48 สาขา เทนยะ12 สาขา คัตสึยะ 59 สาขา อาริกาโตะ 210 สาขา ชินคันเซ็น ซููชิ 51 สาขา ราเมน คาเกทสึ อาราชิ 4 สาขา KFC 335 สาขา เทอเรสซ์ เดอ บางกอก 4 สาขา อร่อยดี 11 สาขา เกาลูน 1 สาขา Grab Kitchen by Every Foood 6 สาขา สลัดแฟคทอ 39 สาขา บราวน์ คาเฟ่ 10 สาขา ส้มตำนัว 8 สาขา นักล่าหมูกระทะ 6 สาขา และ คีอานิ 1 สาขา

4.บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) M

  • เข้าเทรดวันแรก 15 ส.ค.56
  • ราคา 29.00 บาท
  • P/E 16.20 เท่า 
  • รายได้ครึ่งปี 67 ที่  8,207.33 ล้านบาท 
  • กำไรครึ่งปี 67 ที่ 747.15 ล้านบาท
  • มี 11 ร้านอาหารดัง ได้แก่ เอ็มเค สุกี้ 439 สาขา เอ็มเค โกลด์ 5 สาขา เอ็มเค ไลฟ์ 4 สาขา แหลมเจริญ ซีฟู้ด 39 สาขา ณ สยาม 1 สาขา เลอ สยาม 3 สาขา บิซซี่ บ็อก 2 สาขา เลอ เพอทิท 3 สาขา ยาโยอิ 198 สาขา ฮากาตะ 1 สาขา มิยาซากิ 8 สาขา

5.บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) SNP 

  • เข้าเทรดวันแรก 8 พ.ค.32
  • ราคา 13.30 บาท
  • P/E 14.22 เท่า 
  • รายได้ครึ่งปี 67 ที่  2,922.70 ล้านบาท 
  • กำไรครึ่งปี 67 ที่ 182.43 ล้านบาท
  • มี 11 ร้านอาหารดัง ได้แก่ S&P Restaurant 128 สาขา S&P ร้านอาหารในประเทศกัมพูชาอีก 5 สาขา ร้านอาหาร Patio 1 สาขา Patara ในประเทศ 1 สาขา อังกฤษ 6 สาขา ออสเตรีย 1 สาขา ร้านทงคัตสึ Maisen 12 สาขา ภัตตาคารอาหารญี่ปุ่น Umenohana 1 สาขา 

6.บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) MAGURO

  • เข้าเทรดวันแรก 5 มิ.ย.67
  • ราคา 18.00 บาท
  • P/E 33.32 เท่า 
  • รายได้ครึ่งปี 67 ที่  619.29 ล้านบาท 
  • กำไรครึ่งปี 67 ที่ 33.04 ล้านบาท
  • มี 2 ร้านอาหารดัง ได้แก่ Maguro 14 สาขา Hitori Shabu 6 สาขา 

7.บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ZEN

  • เข้าเทรดวันแรก 20 ก.พ.62
  • ราคา 7.70 บาท
  • P/E 24.26 เท่า 
  • รายได้ครึ่งปี 67 ที่  2,036.70 ล้านบาท 
  • กำไรครึ่งปี 67 ที่ 16.23 ล้านบาท
  • มี 13 ร้านอาหารดัง ได้แก่ On The Table 38 สาขา Khiang 58 สาขา ดินส์ (Din’s) 2 สาขา เฝอ 3 สาขา ลาวญวน 34 สาขา เดอ ตำมั่ว 4 สาขา ตำมั่ว 87 สาขา เซ็น 53 สาขา เซ็น บ็อกซ์ 2 สาขา อากะ ยากินิกุ 55 สาขา อากะ ชาบู 1 สาขา เท็ตสึ 1 สาขา ซูชิ ชู แอนด์ คาร์นิวัล ยากินิกุ 3 สาขา

8.บริษัท อาฟเตอร์ ยู จำกัด (มหาชน) AU

  • เข้าเทรดวันแรก 23 ธ.ค.59
  • ราคา 9.55 บาท
  • P/E 34.20 เท่า 
  • รายได้ครึ่งปี 67 ที่  724.92 ล้านบาท 
  • กำไรครึ่งปี 67 ที่ 126.86 ล้านบาท
  • มี 3 ร้านดัง ได้แก่ อาฟเตอร์ ยู 60 สาขา ร้านผลไม้ลูกก๊อ 9 สาขา ร้านกาแฟมิกก้า 6 สาขา

9.บริษัท เจซีเค ฮอสพิทอลลิตี้ จำกัด (มหาชน) JCKH

  • เข้าเทรดวันแรก 18 ก.ย.55
  • ราคา 0.02 บาท
  • P/E - เท่า 
  • รายได้ครึ่งปี 67 ที่  78.48 ล้านบาท 
  • กำไรครึ่งปี 67 ที่ -76.53 ล้านบาท
  • มี 13 ร้านอาหารดัง ได้แก่ ร้านฮอท พอท 5 สาขา ร้านไดโดมอน โคเรียนกริลล์ 2 สาขา ร้านเจิ้งโต่วแกรนด์ 1 สาขา ร้าน Burger & Lobster 1 สาขา และ ร้าน อั่ย หั่ว กัว 2 สาขา SHABU TOMO (ชาบู โทโมะ) 5 สาขา

สุวัฒน์ สินสาฎก รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจหลักทรัพย์ลูกค้าสถาบัน บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า การแข่งขันธุรกิจร้านอาหารค่อนข้างสูงมาก แต่ก็มีดีมานด์ของการบริโภคจริง ๆ โดยร้านอาหารมีการปรับตัวให้เข้ากับผู้บริโภคหรือในสิ่งที่ผู้คนต้องการ ยกตัวอย่าง HOT POT ทำไมถึงล้ม ขณะที่สุกี้ตี๋น้อยทำไมถึงรุ่ง หรือเทียบกับร้านอาหารญี่ปุ่นระหว่าง ZEN ที่กำไรลดลง

ขณะที่ MAGURO ปัจจุบันผู้คนหันมารับประทานแบบนี้มากขึ้น จึงเป็นปัญหาใหญ่ของร้านอาหารที่ยืนอยู่บนพื้นฐานเดิม หรือแม้กระทั่ง M ที่มีการเติบโตในอดีต และมีชื่อเสียงแต่ยังทำเหมือนเดิม หรือมีการปรับตัวที่ช้า ขณะที่ร้านอื่น ๆ ใหม่ เกิดขึ้น ก็ทำให้เจอกับคู่แข่งใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น ทำให้คุณรุ่นใหม่หันไปรับประทานร้านใหม่ ๆ แทน 

จึงเป็นประเด็นสำคัญที่สุดของร้านอาหาร เป็น Red Ocean แต่ผู้ประกอบการต้องเข้าใจตลาด และมองหาโอกาสที่ถูกต้องก็จะสามารถกลายมาเป็นผู้ชนะได้ เช่นสุกี้ตี๋น้อย และ MAGURO ที่กลายมาเป็นผู้ชนะได้ในปัจจุบัน เพราะผู้ประกอบการรู้ว่านั่นคือ ช่องว่างของตลาด 

ล่าสุด โอ้กะจู๋ ที่จะเข้าตลาดในวันที่ 4 ต.ค.นี้ มีจุดแข็งที่คนอื่นไม่มี ในเรื่องของสุขภาพ เป็นร้านอาหารไม่กี่ร้านที่สามารถไปรับประทานได้ทั้งครอบครัว เนื่องจากเป็นร้านอาหารที่มีสำรหรับทุกคนในครอบครัว ซึ่งปัจจุบันค่อนข้างหายาก หากเทียบกับร้านอาหารจีน ซึ่งเด็กอาจจะไม่ชอบรับประทาน ก็ไม่สามารถไปได้ทั้งครอบครัว หรือร้านอาหารฝรั่งที่ผู้สูงวัยอาจจะไม่ชอบประทาน เป็นต้น ซึ่ง โอ้กะจู๋ เป็นร้านอาหารที่ตอบโจทย์ผู้คนได้ทั้งครอบครัว ในทุก ๆ วัย 

วทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า  ธุรกิจร้านอาหารมีการแข่งขันค่อนข้างรุนแรง เชน เรสเตอร์รองท์ปัจจุบันเยอะมาก ซึ่งร้านอาหารทุกวันนี้ไม่ค่อยมีความเป็นจงรักภักดีสักเท่าไร เนื่องจากลูกค้าสามารถสวิตช์สลับปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา แม้กระทั่งตัวเราเองหากไปรับประทานที่ร้าน ก. บางวันเราอาจจะเปลี่ยนไปร้าน ข. เป็นต้น จึงทำให้ที่ผ่านมา ธุรกิจร้านอาหารไม่ได้เห็นการเติบโตอย่างนัยมาก

โดยผลประกอบการที่ผ่านมา ยกตัวอย่างหุ้น M หรือ บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ไตรมาส 2/67 ยังไม่ได้มีการเติบโตมากหากเทียบกับปีที่ผ่านมา รายได้หุ้น M ไตรมาส 2/67 อยู่ประมาณ 4 พันล้านบาท ซึ่งหากดูในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมายังคงติดลบอยู่ที่ประมาณ 8% 

อย่างไรก็ตาม ร้านอาหารยังอยู่ปัจจุบัน หากร้านไหนเป็นแบรนด์น้องใหม่อาจจะยังได้เห็นการเติบโตได้อยู่ อย่าง MAGURO เพิ่งเข้าตลาดมายังมีการเติบโตได้ ซึ่งในไตรมาส 2/67 รายได้เติบโตขึ้นมาประมาณ 21% ในขณะที่ M รายได้ปรับตัวลง 

"ธุรกิจร้านอาหารหากแบรนด์ใดแข็งแกร่ง ยังพอเห็นการเติบโตได้ หรือสามารถเรียกลูกค้าได้ แต่พอผ่านไปสักระยะหนึ่ง ร้านอาหารจะเผชิญกับคู่แข่ง อย่างในสมัยก่อน M มีการเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อมาเจอความท้าทายใหม่ อย่างสุกี้ตี๋น้อย ที่มาเป็นคู่แข่ง และมาค่อนข้างแรง ซึ่งในช่วงที่ผ่านมารายได้ของ สุกี้ตี๋น้อยเติบโตได้ค่อนข้างดี และปัจจุบันเชน เรสเตอร์รองท์ ใหม่ ๆ เกิดขึ้นมามาก"

ขณะที่ โอ้กะจู๋  รายได้มีการเติบโตได้ค่อนข้างดี ปี 2562 รายได้อยู่ 643 ล้านบาท ปี 2563 รายได้อยู่ 837 ล้านบาท ขณะที่ปี 2566 รายได้อยู่ที่ 1,700 ล้านบาท ซึ่งรายได้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง 

อย่างไรก็ตาม ในแง่ของการทำกำไรค่อนข้าดร๊อปลงไป ในช่วงปี 2562 ที่มีรายได้ 643 ล้านบาท ทำกำไรได้ประมาณ 80 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 12% แต่พอมาปัจจุบันปี 2566 รายอยู่ประมาณ 1,700 ล้านบาท แต่ปรากฎว่า กำไรเหลืออยู่แค่ 141 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 8% จะเห็นว่าอัตรากำไรสุทธิค่อนข้างปรับตัวมาจาก 12% ในปี 2562 มาอยู่ที่ 8% ในปี 2566 แม้รายได้จะโตแต่กำไรยังมีสัญญาณที่ชะลอตัว นั่นแสดงว่า ธุรกิจของโอ้กะจู๋อาจจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นมา หรือธุรกิจอยู่ในจุดที่ต้องมีการทำการตลาดมากขึ้น  เพื่อเป็นการปั้นรายได้และกำไรเข้ามา 

โดยแนะนำ นักลงทุนที่สนใจหุ้นกลุ่มร้านอาหารว่า ต้องเข้าไปพิจารณากันในส่วนของราคาหุ้น ซึ่งที่ผ่านมาราคาร้านอาหารหากเล่นแพงพีอีจะอยู่ที่ 30 เท่า แต่ ณ ปัจจุบันการแข่งขันรุนแรงอาจจะต้องกดลงมาเหลือประมาณ 20 เท่า โดยได้ประเมินราคา M ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 39 บาท หากคิดกลับมาเป็น P/E จะอยู่ที่ 25 เท่า