หุ้นไทยวันนี้ 2 ต.ค.67 คาดเซนติเมนลบ หลังสงครามตะวันออกกลางตึงเครียด

หุ้นไทยวันนี้ 2 ต.ค.67 คาดเซนติเมนลบ หลังสงครามตะวันออกกลางตึงเครียด

หุ้นไทยวันนี้ 2 ต.ค.67 บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ เผย รับ sentiment ลบ จากสถานการณ์ตึงเครียดตะวันออกกลาง หลังอิหร่านโจมตีอิสราเอล แนวรับ แนวต้าน 1445-1470 จุด

หุ้นไทยวันนี้ 2 ต.ค.67  บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ระบุ คาด SET ได้รับ sentiment ลบ จากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังอิหร่านโจมตีอิสราเอล ทำให้มองกรอบบนยังถูกจำกัดที่แนวต้าน 1470 จุด อย่างไรก็ตาม คาดเม็ดเงินจากกองทุนวายุภักษ์ช่วยประคองดัชนี ทำให้มองกรอบล่างบริเวณแนวรับ 1445-1450 จุด ยังรองรับได้ ทั้งนี้ คาดดัชนีจะเคลื่อนไหวระหว่างกรอบ 1445-1470 จุด

หุ้นไทยวันนี้ 2 ต.ค.67 คาดเซนติเมนลบ หลังสงครามตะวันออกกลางตึงเครียด

ช่วงสั้นมอง SET จะยังแกว่งตัว Sideway Up แต่อาจเผชิญแรงขายทำกำไรระยะสั้นเป็นระยะๆ จากปัจจัยภายนอกและจากราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในช่วงก่อนหน้า ทั้งนี้มองว่าตลาดหุ้นไทยจะได้รับแรงหนุนจากทิศทางดอกเบี้ยที่จะกลับเข้าสู่ขาลง (คลังและธปท. จะมีการพูดคุยกันในสัปดาห์นี้) และนโยบายผลักดันแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ รวมทั้งการแข็งค่าของเงินบาทคาดจะยังหนุนการไหลเข้าของ Fund Flow โดยประเมินว่าหาก SET จะปรับขึ้นได้แรง ต้องเกิดจากการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร อสังหาฯ อิเล็กทรอนิกส์ และท่องเที่ยว ขณะที่หุ้นกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนดีก่อนหน้านี้คาดจะยังให้ผลตอบแทนดีต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการของจีนและสหรัฐคาดจะยังชะลอตัวลง  ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ Selective Buy

โดย 3 ธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้ 

1.) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากกองทุนวายุภักษ์รอบใหม่ โดยเลือกหุ้น SET100 ที่มีคุณสมบัติ 1) จ่ายเงินปันผลดี โดยให้ Dividend Yield ขั้นต่ำปีละ 3.5% 2) มี ESG Ratings สูงตั้งแต่ระดับ A-AAA และ CG ระดับ 5 ดาว และ 3) มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตได้ในปี 2025 เลือก KTB BBL BCP ADVANC HMPRO

2.) นักลงทุนที่ต้องการหุ้นเก็งกำไรซึ่งคาดได้อานิสงส์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง แนะนำ กลุ่มเช่าซื้อ (MTC TIDLOR) กลุ่มอสังหาฯ (AP SIRI) กลุ่มค้าปลีก (CPALL) กลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF) กลุ่ม REITs (LHHOTEL DIF)

3.) นักลงทุนที่ต้องการหุ้นเก็งกำไรซึ่งได้อานิสงส์บวกจากสถานการณ์น้ำท่วม แนะนำ HMPRO GLOBAL CPALL BJC DCC และ TASCO ซึ่งจากสถิติปีที่เกิด La Nina หากลงทุนช่วงครึ่งหลัง ก.ย. และขายต้น พ.ย. คาดหวังจะได้ผลตอบแทนเฉลี่ยราว 5.0%

ขณะที่การแข็งค่าของเงินบาทอย่างรุนแรงใน 3Q67 มองจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อหุ้นที่มีรายได้จากการส่งออก แนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนช่วงสั้น ได้แก่ TU GFPT CBG KCE ส่วนนักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรหุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากค่าเงินบาทแข็งค่า แนะนำ AAV GULF GPSC BCP

สำหรับหุ้น Top Picks

PTTEP: มองราคาน้ำมันที่แข็งแกร่งในระยะสั้นจะเป็นปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้น อีกทั้งราคาหุ้นยังคงปรับขึ้นช้ากว่าราคาน้ำมัน และเป็นหุ้นที่เป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากกรณีกังวลความไม่สงบในตะวันออกกลาง ขณะที่ผลการดำเนินงานและงบดุลของบริษัทยังแข็งแกร่ง โดยปี 2567 คาดมีกำไรปกติ 8.27 หมื่นลบ. เติบโต 5%YoY ทั้งนี้แนะนำราคาเข้าซื้อวันนี้ไม่เกิน 132.50 บาท

GULF: 2H67 คาดกำไรปกติจะเติบโตแกร่งจากกำลังผลิตใหม่ที่เข้ามาเพิ่ม อาทิ โรงไฟฟ้า IPP ใหม่ GDP หน่วยที่ 4 (662.5MW) และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์หลายโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนา อีกทั้งยังมองบวกต่อดีลควบรวมระหว่าง GULF และ INTUCH นอกจากนี้ยังได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยเข้าสู่ขาลง และ Valuation น่าสนใจ โดยซื้อขาย PER 24F ที่ 33 เท่า (-1.0 SD)

ทั้งนี้มีประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม 

  • อิหร่านยิงขีปนาวุธหลายสิบลูกโจมตีอิสราเอลเพื่อตอบโต้ปฏิบัติการสังหารผู้นำกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ปธน. สหรัฐฯ สั่งให้กองทัพเข้าช่วยเหลืออิสราเอล กังวลสงครามในตะวันออกกลางอาจลุกลามเป็นวงกว้าง
  • สหรัฐฯ เผยตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ส.ค. เพิ่มขึ้นสู่ 8.04 ล้านตำแหน่ง สูงกว่าตลาดคาด ส่วนดัชนี PMI ภาคการผลิต ก.ย. ปรับตัวลงสู่ระดับ 47.3 โดยดัชนีอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตอยู่ในภาวะหดตัว และเป็นการหดตัวติดต่อกันเดือนที่ 3
  • เงินเฟ้อยูโรโซน ก.ย. อยู่ที่ +1.8%YoY ต่ำกว่าตลาดคาด ปัจจัยหลักมาจากราคาพลังงานที่ลดลงและราคาสินค้าที่ทรงตัว ทั้งนี้อัตราเงินเฟ้อต่ำกว่าระดับเป้าหมาย 2% เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี หนุนความเป็นไปได้ที่ ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือน ต.ค.นี้
  • รมว. พาณิชย์จีนและสหรัฐฯ จะมีการประชุมทางโทรศัพท์ในอนาคตเพื่อหารือถึงความสัมพันธ์ด้านการค้าต่อเนื่องจากการประชุมในกรุงปักกิ่งเมื่อเดือนก่อน โดยเฉพาะประเด็นข้อจำกัดเกี่ยวกับ EV และการลงทุน, การคว่ำบาตรรัสเซีย และความกังวลต่อการเก็บภาษีการค้า
  • สรท. เผยภาวการณ์ค้าระหว่างประเทศของไทย ส.ค. 67 พบการส่งออกมีมูลค่า 939,521 ลบ. +13.0%YoY ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 941,019 ลบ. +15.0%YoY ส่งผลให้ดุลการค้าขาดดุล 1,497 ลบ. 
  • คลังจะมีการประชุม ร่าง พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรนัดแรก พร้อมเตรียมตั้งคกก. เพื่อนำร่างกฎหมายเสนอ ครม.
  • ผู้ว่าฯ กทม. เผยเตรียมชำระหนี้ก้อนแรก 11,755 ลบ. แก่ BTS ภายใน 180 วัน ตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด และคงเหลือหนี้ค้างชำระอีก 2 ก้อนรวม 25,324 ลบ. และยอดหนี้ในอนาคตอีก 800 ลบ./เดือน