วิบากกรรม ‘แซด คอม’ จาก MORE สู่ปมขายหุ้น PRIME ทอดตลาด
แกะติดสถานการณ์ “บล.แซด คอม” ขายหุ้น PRIME ทอดตลาด หลัง “6 ผู้ถือหุ้น PRIME” นำหุ้นไปวางค้ำประกันกู้ยืมเงินแล้วไม่มา “ชำระคืนหนี้” ตามสัญญา ขณะที่ พบหนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ “ไพร์ม โรด เพาเวอร์” มีชื่อของ “นิกกี้-พิรุณ ชินวัตร” เป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 15 สัดส่วน 0.78%
การประกาศขายหุ้น บริษัท ไพร์ม โรด เพาเวอร์ (PRIME) ของ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) (Z.com) สร้างความ “งงงวย” ให้กับนักลงทุนไม่น้อยเกิดอะไรขึ้น ? สอบถามกันไปมาให้วุ่น แต่ทุกอย่างก็ยัง “ไม่กระจ่าง” เพราะคนที่จะเฉลยทุกข้อสงสัยคงต้องเป็น “Z.com” เท่านั้น
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ Z.com เป็นบริษัทหลักทรัพย์ที่ทำธุรกิจปล่อยสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (มาร์จิน) รายใหญ่รายหนึ่ง ซึ่งได้รับความเสียหายจากหุ้น บริษัท มอร์ รีเทิร์น (MORE) จนนำไปสู่การฟ้องร้องในตอนนั้น และปัจจุบันหุ้นที่ปล่อยมาร์จินก็ถูก “บังคับขาย” (Force Sell) จนนำมาสู่การประกาศ “ยกเลิกบัญชีมาร์จิน” มีผล 20 ธ.ค. 2567 ส่วนบัญชี Cash Balance ยังบริการตามปกติต่อ
แหล่งข่าวในแวดวงการเงิน บอกว่า ที่แน่ๆ ในประเด็นขายหุ้น PRIME ทอดตลาดในครั้งนี้ !! อาจจะเป็นแค่ “จุดเริ่มต้น” เท่านั้น !! เพราะเชื่อว่ายังมีเหตุการณ์ที่ “ผู้ถือหุ้นนำหุ้นไปจำนำ” ทั้งในและนอกตลาดอีกมาก ดังนั้น ตลาดเปิดซื้อขายหุ้นสัปดาห์นี้ คงได้เห็นบรรยากาศลงทุน “หุ้นขนาดเล็ก” ในตลาดหุ้นไทย “ระส่ำไม่น้อย” เพราะนักลงทุนอาจจะกล้าๆ กลัวๆ เพราะอาจจะมีสถานการณ์โบรกรายอื่นๆ ที่รับจำนำหุ้นขนาดเล็กขาย “ทอดตลาดหุ้นที่จำนำ” ให้เห็นอีกหรือไม่ หากคนที่นำหุ้นมาจำนำไม่มาชำระหนี้คืนตามสัญญา ดังนั้น นักลงทุนรายย่อยจะเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบดังกล่าวได้ จากราคาหุ้นที่ "ร่วง" แรงได้
เพราะที่ผ่านมา ด้วยเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า ตลาดหุ้นไทย “ซบเซา” มานาน ดังนั้น เหล่า “ผู้ถือหุ้นใหญ่” ต่างนำมา “จำนำ” ไว้ ในช่วงที่ต้องการเงินมา “เสริมสภาพคล่อง” ทั้งให้ตัวเองและธุรกิจ !!
สอดคล้องกับ กรณีตามที่ประกาศของ Z.com ระบุไว้ในเอกสาร ว่า จะดำเนินการขาย “หุ้น PRIME” ทั้ง 7 รายการ จำนวน 1,348,572,500 หุ้น ซึ่งเป็นหุ้นที่ “จำนำ” เป็นประกันหนี้ตามสัญญากู้ยืม ตั้งแต่ปี 2564-2566 และ “ลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้” ตามสัญญาและไม่ชำระหนี้ภายในกำหนดเวลาที่เจ้าหนี้มีหนังสือบอกกล่าวทวงถามแจ้งการบังคับจำนำ โดยกำหนดจะขายทอดตลาดหุ้นในวันที่ 4 ธ.ค. 2567 ซึ่งราคาเริ่มต้น ผู้ขายทอดตลาดจะกำหนดราคาเริ่มต้นตามที่เห็นสมควร โดยคำนึงถึงสถานการณ์ปัจจุบัน ราคาซื้อขายในท้องตลาด รวมถึงความเหมาะสมประการอื่นๆ ประกอบด้วย
ทั้งนี้ จากหุ้นที่จะ “ขาย” พบว่า เป็น “ผู้ถือหุ้น” 19 อันดับแรก ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ประกอบด้วย นางสาวสุกัลยา ผาลี ผู้ถือหุ้นอันดับ 6 จำนวน 147,758,309 หุ้น คิดเป็น 3.47% นางสาวณุวภา วิทูรชวลิตวงษ์ ถือหุ้นอันดับ 17 จำนวน 32,700,000 หุ้น คิดเป็น 0.77% นางพิมพ์ลดา พิพัฒน์ปากรณ์ ผู้ถือหุ้นอันดับ 16 จำนวน 33,178,800 หุ้น คิดเป็น 0.78% บริษัท ไพร์ม โร้ด แคปปิตอล จำกัด ผู้ถือหุ้นอันดับ 2 จำนวน 672,180,000 หุ้น คิดเป็น 15.80% นางสาวภริษา ฉายาวสันต์ ผู้ถือหุ้นอันดับ 3 จำนวน 615,064,275 หุ้น คิดเป็น 14.46% และ นางเครือวัลย์ ไตรสวัสดิ์วงศ์ ผู้ถือหุ้นอันดับ 7 จำนวน 86,255,500หุ้น คิดเป็น 2.03% (ข้อมูล ณ วันที่ 26 มี.ค. 2567)
หากจะเอ่ยถึง “หุ้น PRIME” บริษัทประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า จากพลังงานหมุนเวียนทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีบริษัท ไพร์ม โรด โซลาร์ จำกัด (PRS) เป็นบริษัทแกน ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทภายใต้การถือหุ้นของ PRA ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน
และหนึ่งในผู้ถือหุ้น PRIME มีรายชื่อของ นายพิรุณ ชินวัตร (“นิกกี้”) เป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 15 จำนวน 33,311,100 หุ้น คิดเป็น 0.78% ซึ่ง “นิกกี้” เป็นบุตรชาย นายพายัพ ชินวัตร น้องชาย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
โดยก่อนหน้านี้ บริษัทประกาศแต่งตั้ง “พิรุณ” นั่งเป็น “ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน” (CFO) เมื่อต้นปี 2566 ก่อนจะเปลี่ยนใหม่ให้ “นายพลกฤต ชินวัตร” ขึ้นมาเป็นผู้รับผิดชอบสูงสุดในสายงานบัญชีและการเงินแทน ตั้งแต่ 18 ม.ค. 2566 เป็นต้นมา
หากย้อนดูฐานะทางการเงินของ PRIME พบว่า นับตั้งแต่ปี 2563-2565 มี “กำไรสุทธิ” 288.26 ล้านบาท 130.08 ล้านบาท และ 137.07 ล้านบาท แต่ในปี 2566 กลับพลิกมา “ขาดทุนสุทธิ” -901.64 ล้านบาท และงวด 6 เดือน ขาดทุนสุทธิ -8.17 ล้านบาท...