‘คลัง’หวัง กนง. ดูข้อมูลรอบด้าน ‘ลดดอกเบี้ย’ เหมาะสมศก.ฟื้นช้า

‘คลัง’หวัง กนง. ดูข้อมูลรอบด้าน ‘ลดดอกเบี้ย’ เหมาะสมศก.ฟื้นช้า

ประชุม กนง. วันนี้ (16 ต.ค.) นักวิเคราะห์เศรษฐกิจประเมิน เศรษฐกิจไทยมีโอกาสที่จะสามารถที่จะเติบโตได้มากขึ้น ส่วนในอีกเรื่องหนึ่งคือ เรื่องของอัตราเงินเฟ้อที่กังวลว่าอาจจะปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่เงินเฟ้อไม่สูงมาก หากมีการปรับลดดอกเบี้ยก็จะทำให้มีการลงทุน เป็นปัจจัยที่ต่างชาติเข้ามาลงทุนมากขึ้นได้

สัญญาณ “เศรษฐกิจไทย” ยังคง “เปราะบาง” สะท้อนจาก “กลุ่มทิสโก้” ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 3 ปี 67 ลดลง 8.6% เหตุตั้งสำรอง-คุมเข้มสินเชื่อ-ตรึงเอ็นพีแอล เน้นความรัดกุม “คลัง” หวังกนง. พิจารณาข้อมูลเศรษฐกิจรอบด้าน ชี้จังหวะเหมาะสมลดดอกเบี้ย ช่วยพยุงเศรษฐกิจ อัตราแลกเปลี่ยน หวังช่วยหนุนให้มีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนมากขึ้น  โบรกมองศก.ไทย ยังไม่ฟื้นตัวดี บ่งชี้ผ่านแบงก์ตั้งสำรองสูง 

ฤดูกาลประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567 ของบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) เริ่มทยอยออกมากันมาแล้ว นำโดย “กลุ่มธนาคารพาณิชย์” (แบงก์) ล่าสุด “กลุ่มทิสโก้” ประกาศการดำเนินงานออกมาไม่ค่อยดีนัก หลังจากที่มีการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้น ซึ่ง “นักวิเคราะห์” มองว่า เป็นแบงก์ที่มีสินเชื่อรถยนต์ค่อนข้างมาก และที่ผ่านมาผู้บริโภคมีการจับจ่ายใช้สอยในสินค้าที่มีความจำเป็นมากกว่า

ดังนั้น จึงมีการตั้งข้อสังเกตว่า “เศรษฐกิจไทย” ยังไม่ค่อยสู้ดีนักหรือไม่ สะท้อนจากการตั้งสำรองสูงของกลุ่มทิสโก้ ขณะเดียวกันยังคงต้องจับตาว่าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันนี้ (16 ต.ค.) จะมีโอกาส “ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย” ในครั้งนี้หรือไม่

หวัง กนง. พิจารณาข้อมูลเศรษฐกิจรอบด้าน 

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันนี้ (16 ต.ค.) ว่าขณะนี้นักวิเคราะห์เศรษฐกิจประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีโอกาสที่จะสามารถที่จะเติบโตได้มากขึ้น ส่วนในอีกเรื่องหนึ่งคือ เรื่องของอัตราเงินเฟ้อที่กังวลว่าอาจจะปรับเพิ่มขึ้น

ขณะนี้อัตราเงินเฟ้อก็ไม่สูงมาก หากมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยก็จะทำให้มีการลงทุน เป็นปัจจัยที่ต่างชาติจะเข้ามาลงทุนมากขึ้นได้ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้หลายฝ่ายส่งไปถึงกนง.เชื่อว่า กนง.จะใช้ในการพิจารณานโยบายการเงินที่เหมาะสมกับเศรษฐกิจในช่วงเวลานี้

“หากมีการลดอัตราดอกเบี้ย ก็ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่มีความเหมาะสมอยู่ ซึ่งหากลดแล้วก็จะช่วยในเรื่องของเศรษฐกิจ อัตราแลกเปลี่ยน แต่ผมไม่สามารถตอบได้ เพราะไม้ได้ร่วมประชุม แต่ผมเองยังคิดว่าจังหวะของการลดมันก็มีอย่างเหมาะสมแล้ว ก็สอดคล้องกับเศรษฐกิจที่เราอยากจะเร่งให้ขึ้น”

“ทิสโก้” กำไรลด 8.6% เหตุตั้งสำรองสูง-คุมเข้มสินเชื่อ 

นายศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) กล่าวว่า ผลดำเนินงานงวด 9 เดือน ปี 2567 กลุ่มทิสโก้มีกำไรสุทธิ 5,199 ล้านบาท ลดลง 5.8% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยงวดไตรมาส 3 ปี 2567 มีกำไรสุทธิ 1,713 ล้านบาท ลดลง 8.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุจากการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) เพื่อรองรับความเสี่ยงจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า และหนี้ครัวเรือนที่ทรงตัวในระดับสูง 

โดยถือเป็นไปตามกลยุทธ์ที่วางไว้ขององค์กร นั่นคือ การมุ่งเน้นคุณภาพในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ และดำเนินนโยบายการบริหารจัดการความเสี่ยงด้วยหลักความระมัดระวัง (Prudent) อย่างไรก็ดี บริษัทยังคงรักษาความสามารถในการสร้างอัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นเฉลี่ย (ROAE) ใน 9 เดือนแรกของปีที่ 16.5%

ส่วนของธุรกิจหลัก กลุ่มทิสโก้ มีการปรับแผนการดำเนินธุรกิจให้สอดรับกับความเสี่ยงจากปัจจัยทางเศรษฐกิจที่มีอยู่รอบด้านให้มีความรัดกุมยิ่งขึ้น สะท้อนจากตัวเลขสินเชื่อรวมที่ลดลง 2.1% จากสิ้นปีที่แล้ว โดยเฉพาะกลุ่มสินเชื่อเช่าซื้อรถใหม่ ซึ่งได้รับผลกระทบจากยอดขายรถยนต์ในประเทศที่ลดลงมากกว่าคาด และการเพิ่มความเข้มงวดในการประเมินสินเชื่อ แต่บริษัทยังสามารถควบคุมการเพิ่มขึ้นของหนี้ด้อยคุณภาพ (NPLs) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

โดยเอ็นพีแอลในไตรมาสนี้ทรงตัวจากไตรมาสก่อนที่ระดับ 2.4% ด้วยกระบวนการติดตามดูแลลูกหนี้อย่างใกล้ชิด และการบริหารจัดการสินเชื่อในเชิงรุก ขณะที่ต้นทุนการเงินแม้จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน แต่เริ่มเห็นสัญญาณเข้าใกล้ระดับสูงสุด ตามทิศทางดอกเบี้ยนโยบายที่มีแนวโน้มปรับลดลงในอนาคต

ด้านรายได้ค่าธรรมเนียมฟื้นตัวได้ดีขึ้น โดยเฉพาะจากธุรกิจตลาดทุน โดยธุรกิจหลักทรัพย์เติบโตได้ดีจากการขยาย Market Share และการฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทย หลังเปิดตัวกองทุนวายุภักษ์และการให้การสนับสนุนการลงทุนระยะยาวผ่านกองทุน ESG ทำให้มีเงินทุนไหลกลับเข้าสู่ตลาดทุนไทยในช่วงสิ้นไตรมาส ส่วนธุรกิจจัดการกองทุนขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป นำโดยภาคการส่งออกสินค้าที่เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ การผลิตภาคอุตสาหกรรม และการลงทุนเอกชนที่เริ่มฟื้นตัว แต่ต้องจับตาความท้าทายเรื่องหนี้ครัวเรือนอย่างใกล้ชิด จากปัญหาหนี้สะสมและรายได้ของประชาชนที่โตช้า และการด้อยลงของคุณภาพสินเชื่อ รวมถึงผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมที่ทำให้เกิดความยากลำบากต่อประชาชนในพื้นที่ยิ่งขึ้นไปอีก อย่างไรก็ดี คาดว่าในปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวที่ระดับ 2.8%

“บล.ซีจีเอสฯ” คาด ประชุม กนง.ยัง “คงดอกเบี้ย”

นายกรรณ์ หทัยศรัทธา นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ภาพรวมกลุ่มแบงก์ไตรมาส 3 ปี 2567 ออกมาน่าจะใกล้เคียงกับไตรมาส 2 ปี 2567 เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยยังคงไม่ได้มีการปรับลด และมีการประชุม กนง.วันที่ 16 ต.ค.2567

อย่างไรก็ตาม มีเซนติเมนต์เรื่องของกองทุนวายุภักษ์ที่จะเข้ามาลงทุนในหุ้นใหญ่ เนื่องจากอัตราส่วนราคาตลาดต่อมูลค่าตามบัญชี หรือ Price to Book Value ต่ำ และให้ปันผลสูง ฉะนั้น จึงยังมีความชื่นชอบกลุ่มหุ้นแบงก์ใหญ่มากว่าแบงก์กลาง และแบงก์เล็ก

ทั้งนี้ คาดว่า 16 ต.ค. 2567 กนง. น่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยอยู่ และคาดว่าอาจจะมีเสียงแตก ดังนั้น หากมีเสียงที่แตกออกมามาก แนะนำนักลงทุนให้ซื้อหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ เนื่องจากเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า ในครั้งหน้าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยแน่ชัด

สำหรับ ผลประกอบการกลุ่มทิสโก้อาจจะออกมาผิดคาดจากที่ตลาดคาดการณ์ไว้เล็กน้อย เนื่องจากเครดิตคอร์สมีการเพิ่มขึ้น บวกกับภาพรวมของรถยนต์มือสองที่เป็นพอร์ตหลักของกลุ่มทิสโก้ยังคงมีประเด็นอยู่

นอกจากนี้ นักลงทุนอาจจะต้องระวังงบธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) เนื่องจากว่าแบงก์เล็กยังมีเรื่องของพอร์ตรถยนต์ค่อนข้างเยอะ ดังนั้น ขาดทุนรถยึดน่าจะมีประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่ง KKP มีการตั้งสำรองเผื่อไว้แล้ว แต่ไม่แน่ชัดว่า ในรอบนี้จะมีการตั้งสำรองเผื่อไว้อีกหรือไม่ ซึ่งถ้ามีการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นไปอีก นั่นแสดงว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น

“บล.พาย” ชี้แบงก์ตั้งสำรองสูง ตามภาวะศก.

นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ส่วนการตั้งสำรองมีการเพิ่มขึ้นของกลุ่มทิสโก้ จาก 81 ล้านบาท ขึ้นมาเป็น 360 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งถ้ามองว่า น่าจะมีความกังวลหรือไม่ ส่วนตัวมองว่า ไม่กังวลเนื่องจากเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจ เมื่อไปดูการตั้งสำรองในไตรมาส 2 ปี 2567 อยู่ประมาณ 400 ล้านบาท 

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการตั้งสำรองเพิ่มของกลุ่มแบงก์จึงทำให้มองภาพรวมของเศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้นหรือไม่ ซึ่งมองว่ากลุ่มทิสโก้มีการอิงกับสินเชื่อรถยนต์ค่อนข้างมาก ซึ่งอาจจะบ่งบอกได้ว่าผู้บริโภคมีการซื้อรถยนต์ที่น้อยลง

ส่วนการประชุม กนง. วันนี้คาดยังคงทิศทางอัตราดอกเบี้ยไว้ ส่วนหนึ่งมาจากเฟดที่มีทิศทางการลดอัตราดอกเบี้ยที่ไม่ได้รุนแรง ล่าสุดตัวเลขแรงงานสหรัฐออกมาค่อนข้างดี โดยเฉพาะอัตราการว่างงาน ตลาดเริ่มมองว่าจากเดิมที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.5% ในเดือนพ.ย.2567 อาจอยู่ที่ 0.25% จึงมองว่า กนง.ยังไม่น่าที่จะรีบลดอัตราดอกเบี้ยลง แต่อาจจะไปจับตาในเดือน ธ.ค.2567 อีกครั้ง