วอลุ่มเทรดคึก ‘ธุรกิจบล.’ ฟื้น การเมืองนิ่ง-กระตุ้นศก. หนุนเชื่อมั่นนักลงทุน
“ธุรกิจบล.” ครึ่งหลังปี 67 พลิกฟื้น หลังวอลุ่มซื้อขายกลับมา “คึก” อีกครั้ง “บล.ทิสโก้” มองภาพเชิงบวก ลุ้นปลายปี “ไม่ขาดทุน” หาก 2 เดือนสุดท้ายวอลุ่มเทรดยืนระดับไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นล้านได้ “บล.บัวหลวง” ย้ำธุรกิจยังแข่ง “ค่าฟี” ต่อเนื่อง “บล.ลิเบอเรเตอร์” คาดธุรกิจทยอยฟื้น แต่ยังไม่กลับมาอู้ฟู้ “บล.ซีจีเอส-อินเตอร์เนชันแนล” ชี้ธุรกิจปรับตัวดีขึ้น หลังหุ้นไทยฟื้น
นับตั้งแต่สถานการณ์การเมืองมีความชัดเจน หลังได้นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 “แพทองธาร ชินวัตร” ส่งผลให้เกิดแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ที่ทยอยออกมา และปฏิกิริยาแรกที่รับผลเชิงบวก ยกให้ “ตลาดหุ้นไทย” สะท้อนผ่านดัชนี SET INDEX ที่ทะยานขึ้นมากกว่า 100 จุด ! ขณะที่มูลค่าซื้อขาย (วอลุ่ม) กลับมาแตะระดับ “แสนล้านบาท” อีกครั้ง (6 ก.ย.2567) สูงสุดรอบ เกือบ 1 ปี 6 เดือน และตอกย้ำด้วย “กองทุนวายุภักษ์ หนึ่ง” เข้ามาช่วยพยุงดัชนีหุ้นไทย
ดังนั้น บรรยากาศการลงทุนกลับมา “โดดเด่น” หนึ่งในธุรกิจกลับมาพลิกฟื้น คงต้องยกให้ “ธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์”
(โบรกเกอร์) จากก่อนหน้าที่ต้อง “ปรับตัว” หนัก สะท้อนวอลุ่มซื้อขายที่ “หดตัว” อยู่เฉลี่ยที่ระดับ 20,000-30,000 ล้านบาทต่อวัน และปัจจุบันวอลุ่มซื้อขายต่อวันอยู่ที่ระดับ 50,000 ล้านบาทขึ้นไป
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ จํากัด ให้สัมภาษณ์กับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ภาพรวมธุรกิจโบรกในไตรมาส 4 ปี 2567 คาดจะออกมาดี เนื่องจากวอลุ่มเทรดถือว่าฟื้นตัวขึ้นจากระดับ 30,000 ล้านบาทต่อวัน มาอยู่ที่ระดับ 55,000 ล้านบาทต่อวัน ดังนั้น ในปีนี้หากวอลุ่มเทรดสามารถยืนเหนือระดับไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาทต่อวันได้ คาดว่าผลการดำเนินงานของธุรกิจโบรกจะฟื้นตัวขึ้นเทียบกับปี 2566 แต่หากวอลุ่มเทรดต่ำกว่าระดับดังกล่าวก็ต้องมาลุ้นอีกทีว่าธุรกิจ บล. มีโอกาสจะ “ขาดทุน” อีกไหม
โดยเฉพาะธุรกิจ บล.ขนาดกลางและเล็ก เนื่องจากผลการดำเนินงานของธุรกิจบล.หลักๆ ยังคงมาจากธุรกิจซื้อขายหุ้นเป็นสัดส่วนใหญ่
แต่กรณี ธุรกิจ บล.ขนาดใหญ่ คาดว่า สิ้นปีนี้ผลการดำเนินงานเป็นบวกปรับตัวดีขึ้นได้ เพราะมีรายได้มาจากหลากหลายช่องทาง ทั้งธุรกิจการซื้อขายหุ้น , ออกเสนอขายหุ้นไอพีโอที่ในช่วง 1-2 เดือนเริ่มกลับมา “คึกคัก” ตามตลาดหุ้นไทย
สำหรับ บล.ทิสโก้ ยังคาดผลการดำเนินงานปีนี้ “เป็นบวก” หรือดีกว่าปีก่อน จากปัจจุบันวอลุ่มการซื้อขายหุ้น ปรับตัวดีขึ้น ตามเซ็นทริเมนต์ของหุ้นไทยดีขึ้นจากปัจจัยบวกทั้งในและนอกประเทศเข้ามาสนับสนุน อีกทั้ง บล.ทิสโก้ ก็ยังมียอดวอลุ่มเทรดของนักลงทุนสถาบันในประเทศเพิ่มขึ้น “โดดเด่น” จากการเข้าลงทุนตาม “กองทุนวายุภักษ์” และ “กองทุนไทยอีเอสจี” สนับสนุนการฟื้นตัวหุ้นไทยช่วงปลายปีรวมถึงมีขายหุ้นไอพีโอ 2 รายไปแล้ว
ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยปรับตัวดีขึ้นจากปัจจัยทั้งในและนอกประเทศ เป็นเซ็นทริเมนต์ หนุนดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้นทะลุ 1,500 จุดแล้ว และปีนี้คาดมีโอกาสยืนที่ระดับดังกล่าวไว้ได้ หากเศรษฐกิจไทยฟื้นตัว , จีดีพีปีนี้โต 2.8% และปีหน้าโต 3% ,ธนาคารกลางหลายประเทศเดินหน้าลดดอกเบี้ย ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ลดดอกเบี้ยและมีโอกาสลดดอกเบี้ยต่อ, จีนอัดมาตรการรัฐกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ , เงินบาทลดแข็งค่าเร็วเข้ามาช่วยหนุนการขยายตัว จากมีเงินทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ไหลเข้ามาช่วง 1-2 เดือนก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม มองว่ารอจังหวะไหลกลับเข้ามาช่วง 2 เดือนที่เหลือปีนี้ ซึ่งปกติตลาดหุ้นก่อนการเลือกตั้งในสหรัฐจะ “ซึมลง” เพื่อรอทิศทางที่ชัดเจน และเมื่อผลเลือกตั้งสหรัฐชัดเจนแล้ว โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐจะคลายกังวลและปรับตัวขึ้นต่อได้ ส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นทั่วโลกรวมถึงหุ้นไทยปรับดีขึ้นด้วย
ดังนั้น ขณะนี้นักลงทุน โดยเฉพาะต่างชาติ ยังติดตามปัจจัยที่ทำให้เกิดความไม่แน่นอน ทั้งผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐรอบนี้ จะส่งผลต่อการเกิดสงครามการค้า กระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลกแค่ไหน และการเมืองในประเทศ ยังมีความไม่แน่นอนอยู่หรือไม่ รวมถึงมาตรการต่างๆ ทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นจริงอย่างที่เห็นและไปต่อได้หรือไม่ช่วงนี้ฟันด์โฟลว์ไหลออกไปบ้าง ยังตลาดหุ้นจีนและฮ่องกง ทำให้วอลุ่มการซื้อขายรวมปรับลงมาที่ระดับ 40,000 ล้านบาท แต่ก็ยังถือว่าดีกว่าช่วงกลางปีที่ผ่านมา
นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บล.บัวหลวง เปิดเผยว่า สำหรับภาพรวมธุรกิจโบรกเกอร์ ตอนนี้ ถือว่าปรับตัวดีขึ้นตามยอดการซื้อขายหุ้นกลับมาเพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนหน้าทางด้านแนวโน้มการออกเสนอขายหุ้นไอพีโอปีหน้าคาดว่าน่าจะดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ธุรกิจโบรกเกอร์ ยังคงแข่งขันค่าธรรมเนียม มีอยู่อย่างต่อเนื่อง ตอนนี้เฉลี่ยค่าฟี 0.18%
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ลิเบอเรเตอร์ เปิดเผยว่า ธุรกิจโบรกต้องยอมรับปรับตัวดีขึ้นดูภาพรวมตลาดมีโมเมนตัมที่ค่อยๆ ฟื้น ส่งผลให้นักลงทุนค่อย ๆ กล้าที่จะลงทุนมากยิ่งขึ้น แต่ยังไม่อู้ฟู้เหมือนเดิมคาดยังคงต้องใช้เวลา และช่วงหลังการแข่งขันค่อนข้างสูง ฉะนั้น แม้สัญญาณวอลุ่มจะกลับมาดี แต่ก็ยังมีรายจ่ายที่ยังสู้กันหนักพอสมควร
ขณะที่ “ปัจจัยความเสี่ยง” ที่ยังคงต้องระมัดระวังในเรื่องมาร์จินต่างๆ ยังคงมีความน่ากังวล แต่เมื่อโมเมนตัมของตลาดดีขึ้น ประเด็นดังกล่าวก็ทำให้เบาลงมาได้บ้าง ในส่วนของ บล.ลิเบอร์เรเตอร์ ในช่วงแรกๆ จะใช้กลยุทธฟรีค่าธรรมเนียม แต่ล่าสุด มีการปรับกลยุทธ์ใหม่เป็นการจัดเก็บเป็นแพ็กเกจ เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่นักลงทุน
นอกจากนี้ บริษัทยังมีการจัดอีเวนต์ที่แตกต่างจากคู่แข่ง โดยจัดให้มีคอมมูนิตี้ขึ้นมา เพราะการลงทุนด้วยตัวคนเดียวค่อนข้างลำบาก แต่ทว่าเมื่อลงทุนและมีเพื่อนช่วยกันทำการบ้านก็จะดีกว่า โดยอาจจะมีการงานสัมมนา หรือเอ็นเตอร์เทนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง หรือกีฬา หรือจัดให้มีการรับประทานอาหารด้วยกันให้กับนักลงทุน ซึ่งน่าจะเป็นโบรกเกอร์เดียวที่มีทำแบบนี้
นายกรรณ์ หทัยศรัทธา นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ธุรกิจโบรกเกอร์เริ่มปรับตัวฟื้นขึ้นมา โดยดูจากงบ KKP ดีกว่าที่ตลาดคาดประมาณ 30% มาจากธุรกิจโบรกเกอร์ และธุรกิจบริหารสินทรัพย์ส่วนบุคคล ทำให้วอลุ่มตลาดปรับตัวดีขึ้น หลังจากที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นมา
ทั้งนี้ ปัจจุบันแม้จะมีคู่แข่งเข้ามาทำกลยุทธ์เรื่องของราคาค่าธรรมเนียมที่ต่ำ โดย บล.ซีจีเอส จึงต้องคิดค้นกลยุทธเพิ่มเติมโดยเน้นลงทุนในหุ้นต่างประเทศมากขึ้น รวมถึงเน้นไปยังกลุ่มวานิชธนกิจ การบริหารความมั่งคั่ง และการจัดการกองทุนส่วนบุคคล ซึ่งในส่วนของวานิชธนกิจบริษัทมีนำหุ้นเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ หลายตัว
ขณะเดียวกัน เนื่องจากมีพาร์ตเนอร์เป็นจีน จึงค่อนข้างมีกองทุนส่วนบุคคลกับจีนค่อนข้างมาก โดยมีจุดเด่นคือ จะมีนักวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญชาวจีนที่มีประสบการตรงเข้ามาเขียน