GPSC กำไร Q3/67 ทรุด 56 % กำไรขั้นต้นโรงไฟฟ้า SPP ลดลง

GPSC กำไร Q3/67  ทรุด 56 %  กำไรขั้นต้นโรงไฟฟ้า SPP ลดลง

GPSC รายงานกำไร Q3/67 ที่ 770 ล้านบาท ลดลงทั้ง Q-Q และ Y-Y   สาเหตุหลักมากำไรขั้นต้นที่ลดลงเนื่องจาก โรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) มีต้นทุนของก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น

       บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC รายงาน กำไรสุทธิของบริษัทไตรมาส 3 ปี 2567  จำนวน 770 ล้านบาท ลดลง 657 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ปี 2567 และลดลง 1,019 ล้านบาทหรือ 56 % จากช่วงเดียวกันปีก่อน และงวด 9 เดือนมีกำไร  3,062 ล้านบาท ลดลง 4.7 % จากช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไร 3,216 ล้านบาท 

          สาเหตุหลักมากำไรขั้นต้นที่ลดลงเนื่องจาก โรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) มีต้นทุนของก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้นและปริมาณการขายของ กฟผ. ลดลงแต่ปริมาณความต้องการไฟฟ้าของลูกค้าอุตสาหกรรมโดยรวมยังคงอยู่ในระดับที่สูงขึ้นประกอบกับโรงไฟฟ้าผู้ผลิตอิสระ (IPP) ได้แก่ โรงไฟฟ้าโกลว์ ไอพีพีหยุดซ่อมบำรุงตามแผนจำนวน 13วัน ในไตรมาสที่ 3 ปี 2567

          และในไตรมาสที่ 3 การเรียกรับไฟฟ้าจาก กฟผ. ลดลง โรงไฟฟ้าห้วยเหาะ มีรายได้ค่าพลังงานไฟฟ้า (EP) ลดลงจากปริมาณการผลิตไฟฟ้าที่ลดลงตามการเรียกรับไฟฟ้าที่ลดลงของ กฟผ. สำหรับไตรมาสนี้ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าซึ่งเป็นช่วงฤดูร้อน แต่ปริมาณการผลิตไฟฟ้าทั้งปียังคงเป็นไปตามแผน 

             ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้าเพิ่มขึ้นเนื่องจาก XPCL มีผลประกอบการดีขึ้นจากปริมาณการผลิตไฟฟ้าที่สูงขึ้นตามปริมาณน้ำที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นตามฤดูกาล แม้จะมีการหยุดการผลิต 17วัน ในขณะที่ นูออโว พลัส (NUOVO PLUS) มีการบันทึกผลขาดทุนจากการขายทรัพย์สินโรงงานแบตเตอรี่ในเดือนสิงหาคม

 

     แม้ว่ามีกำไรจากบริษัทร่วมทุน NV Gotion และ AEPL มีผลประกอบการลดลงตามปริมาณการผลิตไฟฟ้าลดลงตามค่าความเข้มแสงที่ลดลงตามฤดูกาล ในไตรมาสที่ 3 บริษัทฯ มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 258 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นผลขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐซึ่งเกิดจากการบันทึกปรับมูลค่าลูกหนี้ตามสัญญาเช่าทางการเงินสกุลเงินต่างประเทศของโรงไฟฟ้าศรีราชาและโรงไฟฟ้าโกลว์ ไอพีพี ภาษีเงินได้เพิ่มขึ้น 180 ล้านบาท เนื่องจากในไตรมาส 2 ปี 2567 มีการปรับปรุงค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ของปี 2566 (298 ล้านบาท)

      ขณะที่ในไตรมาส 3 ปี2567 มีการรับรู้ภาษีตามผลประกอบการของบริษัท ต้นทุนทางการเงินลดลง 104 ล้านบาทจากการชำระคืนเงินกู้ 16,100  ล้านบาทเมื่อเดือนกรกฎาคม 2567 ทั้งนี้ ในส่วนของฐานะการเงิน ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม 280,342  ล้านบาท หนี้สินรวม 163,396 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนหนี้สินที่มีดอกเบี้ย 126,709 ล้านบาท และบริษัทฯ มีส่วนของผู้ถือหุ้น 116,946 ล้านบาท ทำให้อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 0.88เท่า ซึ่งเป็นไปตามนโยบายทางการเงิน