CPAXT กำไร Q3/67 โต 16.4 % เหตุยอดขาย-กำไรขั้นต้นเพิ่มหลังรววมธุรกิจ

CPAXT กำไร Q3/67  โต 16.4 %   เหตุยอดขาย-กำไรขั้นต้นเพิ่มหลังรววมธุรกิจ

CPAXT โชว์กำไร Q3/67 ที่ 1,952 ล้านบาทโต 16.4 % หักรายการรวมกิจการ กำไรกระโดด 45.3 % จากการยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นที่เติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ

KEY

POINTS

          

   

            บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้าจำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT รายงาน ไตรมาสที่   ปี 2567 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมี มีกำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ในไตรมาสที่ 3ของปี 2567 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำ นวน 1,952 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 275 ล้านบาทหรือ 16.4 % จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน อนึ่ง หากไม่รวมรายการปรับปรุง กำไรสุทธิภายหลังการปรับปรุงจะเป็น 2,410 ล้าบาท เพิ่มขึ้น 752 ล้านบาท หรือ 45.3 % จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นที่เติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ

         รายได้รวม 124,441 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,939  ล้านบาท หรือ 4.1 % จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้จากการขายสินค้าจำนวน 118,864 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,026 ล้านบาท หรือะ 4.4 % จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากการเติบโตของรายได้จากการขายของกลุ่มธุรกิจค้าส่ง  5.2 % หนุนจากการเติบโตของทุกหน่วยธุรกิจ

        โดยเฉพาะจากยอดขายกลุ่มสินค้าอาหารสด และยอดขายนอกร้านพร้อมการส่งสินค้าถึงลูกค้า (“Omni Channel”) รวมถึงการขยายสาขา ในขณะที่รายได้จากการขายของกลุ่มธุรกิจค้าปลีกเพิ่มขึ้น 3.5 % จากกลยุทธ์ในการมุ่งเน้นกลุ่มสินค้าอาหารสด และการขายผ่าน Omni Channel สัดส่วน Omni Channel  ของ บริษัทฯ และบริษัทย่อยคิดเป็น 18.8 % ของรายได้จากการขายสินค้า บรรลุเป้าหมายที่บริษัทฯ วางไว้ของปีนี้ตอกย้ำถึงความเป็น “ผู้นำเทคโนโลยีค้าปลีกค้าส่ง”  ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทั้ งในระดับประเทศและภูมิภาค

 

           

           ไตรมาสนี้บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้จากการให้บริการและรายได้อื่นรวมจำนวน 1,979 ล้านบาท ลดลงจำนวน 91 ล้านบาท หรือ  4.4 % จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เป็นผลหลักจากการลดลงของรายได้อื่นในกลุ่มธุรกิจค้าส่ง จากการร่วมทำกิจกรรมกับคู่ค้าในการได้รับการสนับสนุนการให้คะแนนสะสมแก่ลูกค้าสมาชิกทำให้การรับรู้ ทางบัญชีเปลี่ยนแปลงจากการรับรู้รายได้ค่าบริการเป็นการลดต้นทุนขาย (“การจัดประเภทบัญชีของกลุ่มธุรกิจค้าส่ง”)

       ไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรขั้นต้นรวม 17,107 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,487 ล้านบาท หรือ  9.5 % จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น  14.4 % ของยอดขายรวมจาก  13.7  % ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นการปรับตัวดีขึ้นทั้งกลุ่มธุรกิจค้าส่งและกลุ่มธุรกิจค้าปลีก 

          ต้นทุนในการจัดจำหน่ายและค่าใช้จ่ายในการบริหารรวม  17,397 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,134 ล้านบาท หรือ  7.0 % จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักจากต้นทุนในการจัดจำหน่ายและค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้นทั้งกลุ่มธุรกิจค้าส่งและธุรกิจค้าปลีก สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายในการลงทุนเพื่อสนับสนุน Omni Channel กอปรกับการขาดทุนจากการวัดมูลค่ายุติธรรม (Mark-ToMarket rate) ของสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (Forward exchange contracts) เนื่องจากการแข็งค่าของค่าเงินบาทต่อเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐอย่างมีนัยสำคัญในปลายไตรมาสที่ 3 ปี 2567

         รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียวจากการควบบริษัทเพื่อปรับโครงสร้างภายในองค์กร อย่างไรก็ดี หากไม่รวมขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการควบบริษัท (“รายการปรับปรุง”) ต้นทุนในการจัดจำหน่ายและค่าใช้จ่ายในการบริหารจะเพิ่มขึ้น 4.1 %  ปัจจัยดังกล่าว ส่งผลให้สัดส่วนต้นทุนในการจัดจำหน่ายและค่าใช้จ่ายในการบริหารต่อรายได้รวมเท่ากับ 14.0 % เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่ 13.6 %  โดยกลุ่มธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกมีสัดส่วนต้นทุนในการจัดจำหน่ายและค่าใช้จ่ายในการบริหารคิดเป็นสัดส่วนต่อรายได้รวมอยู่ที่10.8 % และ 17.8 %  ตามลำดับ

       กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักต้นทุนทางการเงิน ภาษีเงินได้ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (“EBITDA”)ในไตรมาสที่ 3ของปี 2567 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมี EBITDA จำนวน 8,306 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 345 ล้านบาท หรือ  4.3 % จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยคิดเป็น 6.7  %ของรายได้รวม อนึ่ง หากไม่รวมรายการปรับปรุง EBITDA ภายหลังการปรับปรุงจะเป็นจำนวน 8,819 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.2 % จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็น  7.1 % ของรายได้รวม ซึ่งเพิ่มขึ้นนจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่6.6ของรายได้รวม

     โดยมีสาเหตุหลักจากการเติบโตของกำไรจากการดำเนินงานในทุกกลุ่มธุรกิจกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักต้นทุนทางการเงินและภาษีเงินได้ (“EBIT”) ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมี EBIT จำนวน 3,861 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 344 ล้านบาท หรือ 9.8 % จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยคิดเป็น 3.1 % ของรายได้รวม         

        อนึ่ง หากไม่รวมรายการปรับปรุง EBIT ภายหลังการปรับปรุงจะเป็นจำนวน 4,374 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.3 % จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหรือคิดเป็น  3.5 % ของรายได้รวม ซึ่งเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่ 2.9 % ของรายได้รวม สาเหตุหลักจากการเติบโตของกำไรจากการดำเนินงานในทุกกลุ่มธุรกิจ