TTB คาดทำดีลซื้อ ‘บล.ธนชาต - ที ลีสซิ่ง’ จาก TCAP - MBK เสริมแกร่งธุรกิจแบงก์
TTB จ่อทำดีลเข้าเทคโอเวอร์ “บล.ธนชาต - ที ลีสซิ่ง” จาก TCAP - MBK หวังเสริมแกร่งเครือข่ายธุรกิจแบงก์ ต่อยอดแพลตฟอร์ม Car Ecosystem
ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) เปิดเผยว่า บมจ.ทุนธนชาต (TCAP) ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงแบบไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย (Nonbinding Memorandum of Understanding) กับ TTB เพื่อขายหุ้นของ บล.ธนชาต ที่ TCAP ถืออยู่ทั้งหมดให้แก่ธนาคาร เพื่อกำหนดข้อตกลงแบบไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย และหลักการสำหรับการเจรจาร่วมกันต่อไปเกี่ยวกับการเข้าทำธุรกรรมต่างๆ ระหว่างคู่สัญญา โดยภายหลังการลงนามในบันทึกข้อตกลงแล้วคู่สัญญาจะเข้าตรวจสอบวิเคราะห์สถานะกิจการ (Due Diligence) จัดเตรียม พิจารณา ต่อรอง และตกลงเข้าทำสัญญาตามที่คู่สัญญาจะได้ตกลงกันต่อไปนั้น
ปัจจุบัน บล.ธนชาต มีผู้ถือหุ้นหลัก ได้แก่ TCAP เป็นผู้ถือหุ้นจำนวน 2,698,959,721 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 89.97 ของจำนวนหุ้นที่ออกและชำระแล้ว และธนาคารเป็นผู้ถือหุ้น 300,000,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 10
TTB ระบุว่า การเข้าถือหุ้นทั้งหมดใน บล.ธนชาต จะช่วยส่งเสริมศักยภาพด้าน Wealth Ecosystem และความสามารถในการแข่งขันของธนาคาร ผ่านจุดแข็งของบริษัทหลักทรัพย์ธนชาต ซึ่งเป็นบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำที่อยู่ในธุรกิจมายาวนาน และมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ย่อมสร้างความไว้วางใจ และความมั่นใจให้กับลูกค้าหากจะเข้ามาเป็นบริษัทย่อยของธนาคาร ในการให้บริการด้านการเงินใน 2 ส่วนหลักด้วยกัน
ส่วนแรก ได้แก่ บริการด้านการลงทุนสำหรับลูกค้ารายย่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกค้ารายย่อยกลุ่มมั่งคั่ง ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญภายหลังการรวมกิจการ ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ และบริการจาก บล.ธนชาต ซึ่งมีความหลากหลาย และเมื่อรวมกับผลิตภัณฑ์ และบริการที่ธนาคาร มีอยู่ในปัจจุบัน ก็จะช่วยยกระดับบริการด้านการลงทุนให้มีความครบครันในที่เดียว (One Stop Service)และช่วยให้ลูกค้าสามารถบริหารจัดการพอร์ตความมั่งคั่ง (Wealth Management) ได้ครบทุกแง่มุมการลงทุนแบบ 360 องศา และในส่วนที่สอง ได้แก่ บริการสำหรับกลุ่มลูกค้าธุรกิจ ก็จะช่วยยกระดับบริการด้านการบริหารเงินทุนที่ธนาคาร มีอยู่ในปัจจุบัน เช่น ด้านวาณิชธนกิจ บริการด้านตลาดทุน รวมถึงการเสนอเครื่องมือทางการเงินอื่นๆ ให้ดียิ่งขึ้น
พร้อมกันนั้น บมจ.เอ็ม บี เค (MBK) ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงแบบไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย (Non-binding Memorandum of Understanding) กับ TTB เพื่อขายหุ้น บริษัท ที ลีสซิ่ง จำกัด ที่ MBK ถืออยู่ทั้งหมดให้แก่ TTB จากนี้จะเจรจาร่วมกันต่อไปเกี่ยวกับการเข้าทำธุรกรรมต่างๆ โดยจะร่วมกันทำ Due Diligence จัดเตรียม พิจารณา ต่อรอง และตกลงเข้าทำสัญญาตามที่คู่สัญญาจะได้ตกลงกันต่อไป
ปัจจุบัน ที ลีสซิ่ง มี MBK ถือหุ้น 239,999,998 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 100 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ประกอบธุรกิจหลักในการให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์มีประสบการณ์ในธุรกิจยาวนานกว่า 30 ปี ทั้งยังมีความพร้อมด้านบุคลากรที่มีความรู้ และเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจ และตัวแทนจำหน่ายรถมอเตอร์ไซค์ที่ครอบคลุม โดยมีกลุ่มลูกค้าหลักคือ พนักงานเงินเดือนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ในด้านการเงิน ที ลีสซิ่ง มีฐานะทางการเงิน และคุณภาพสินทรัพย์ที่มีเสถียรภาพ
TTB เห็นว่าจากจุดแข็งดังกล่าว และกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่สอดคล้องกัน จึงเล็งเห็นถึงศักยภาพของ ที ลีสซิ่ง ที่จะเข้ามาช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และต่อยอดแพลตฟอร์ม Car Ecosystem ของธนาคาร ให้มีบริการเช่าซื้อที่ครบวงจรมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ธนาคารยังเห็นโอกาสในการนำเสนอ (Cross Sell) สินเชื่อเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์ไปยังฐานลูกค้ากลุ่มพนักงานเงินเดือนที่อยู่บนแพลตฟอร์ม Payroll Ecosystem ซึ่งปัจจุบันธนาคาร มีฐานลูกค้ากลุ่มนี้กว่า 1 ล้านราย ทั้งนี้ ลูกค้ากลุ่มพนักงานเงินเดือนถือเป็นกลุ่มที่มีคุณภาพ และความเสี่ยงต่ำ สอดคล้องกับกลยุทธ์การเติบโตสินเชื่ออย่างมีคุณภาพของธนาคาร
ธนาคารเชื่อว่าการเข้าทำธุรกรรมนี้จะช่วยยกระดับการให้บริการสำหรับลูกค้า สร้างโอกาสในการทำงานให้กับพนักงานจากการขยายขอบเขตงานใหม่ๆ และสร้างการเติบโตทางธุรกิจให้กับผู้ถือหุ้น ถือได้ว่าก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย จึงเป็นที่มาของการลงนามในบันทึกข้อตกลงในครั้งนี้
ธนาคารมีแผนการจัดหาเงินทุนโดยใช้แหล่งเงินทุนภายใน ซึ่งได้แก่ การใช้สภาพคล่องส่วนเกินที่มีอยู่ และส่วนทุน ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระดับสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อย่างมีนัยสำคัญ โดย ณ สิ้นไตรมาส 3/67 อัตราส่วนเงินกองทุนรวม (CAR) ของธนาคารอยู่ที่ 19.7% และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 (Tier 1) อยู่ที่ 17.3% เทียบกับเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารกลุ่ม D-SIBs ที่ ธปท. กำหนดไว้ที่ 12.0% และ 9.5% ตามลำดับ
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์