‘ทีทีบี’ ลุยทำดีลดิลิเจนซ์ ซื้อ 'ที ลิสซิ่ง- บล.ธนชาต' คาด 2-3 เดือนชัด
ทีทีบี เสริมแกร่งธุรกิจแบงก์ครบวงจร เข้าซื้อ “ที ลิสซิ่ง”จาก เอ็มบีเค และ บล.ธนชาต จากทีแคป คาดอีก 2-3 เดือนได้ความชัดเจนมากขึ้น ก่อนขออนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและที่ประชุมผู้ถือหุ้น มองแนวโน้มสินเชื่อเช่าซื้อทั้งระบบและธนาคารเติบโตในปีหน้า
นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB เปิดเผยว่า ธนาคารได้ว่าจ้างที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อตรวจสอบวิเคราะห์สถานะกิจการ (Due Diligence) สำหรับทำแผนศึกษาการเข้าซื้อ บริษัท ที ลีสซิ่ง จำกัด จากบริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) หรือ MBK ถือหุ้น 100 % และธุรกิจหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ธนชาต จำกัด จากบริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TCAP ถือหุ้น 89.97 % เรียบร้อยแล้ว คาดจะได้ข้อสรุปดีลดังกล่าวภายใน 2-3 เดือนจากนี้ หรือในช่วงไตรมาส 1 ปี 2568 ก่อนขออนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและที่ประชุมผู้ถือหุ้น
“ธนาคารยังมีเงินทุนระดับสูง มีสภาพคล่องเพียงพอ สามารถต่อยอดทั้งสองธุรกิจให้เติบโตได้อย่างครบวงจร แต่ช่วงนี้ยังอยู่ระหว่างศึกษารายละเอียดต่างๆ ของทั้งสองธุรกิจรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหาก ที ลิสซิ่ง ได้ราคาเหมาะสม ดีลจบตามแผน ช่วยให้ธุรกิจเช่าซื้อธนาคารครบวงจร หนุนรายได้โต ส่วน บล.ธนชาต ที่สนใจจะมาเสริมศักยภาพ Wealth Ecosystem และแข่งขันของธนาคารเติบโตขึ้น”
นายฐากร ปิยะพันธ์ ผู้จัดการใหญ่ TTB กล่าวว่า หากดีลดังกล่าวเกิดขึ้นได้จริง ธนาคารคาดว่าจะสามารถเดินหน้าธุรกิจเช่าซื้อ รถมอเตอร์ไซค์ได้ภายในครึ่งหลังของปี 2568 ซื้อธุรกิจเช่าซื้อมอเตอร์ไซค์ช่วยให้พอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อของธนาคารเติบโตเพิ่มขึ้นแบบครบวงจร โดยมีฐานลูกค้ารถประเภท 4 ล้อจำนวนมาก ขณะที่ฐานลูกค้ารถประเภท 2 ล้อของ ที ลิสซิ่ง มีจำนวนมากเช่นกัน แต่ธุรกิจเช่าซื้อมอเตอร์ไซค์ ยังมีความเสี่ยงพอสมควร ดังนั้น ช่วงแรกธนาคารจำเป็นต้องเริ่มธุรกิจนี้อย่างระมัดระวัง
“ กลุ่มเป้าหมายสอดคล้องกัน ที ลีสซิ่งจะเข้ามาเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และต่อยอดแฟลตฟอร์ม Car Ecosystem ของธนาคารให้มีบริการครบวงจร นำเสนอ Cross Sell สินเชื่อเช่าซื้อมอเตอร์ไซค์ไปยังกลุ่มลูกค้าพนักงานเงินเดือน ซึ่งคาดว่าจะช่วยหนุนการเติบโตของพอร์ต จากระดับปัจจุบันที่ 6,700 ล้านบาท ได้อย่างแข็งแกร่ง เพราะปัจจุบันธนาคารมีฐานลูกค้ากลุ่มนี้กว่า 1 ล้านราย”
ทางด้านภาพรวมสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ทั้งระบบในปีนี้และแนวโน้มในปีหน้าทั้งระบบ ติดลบราว 10% สินเชื่อใหม่ ติดลบค่อนข้างมาก 20-30% เนื่องจากผลกระทบเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ภาระหนี้ครัวเรือนและอัตราดอกเบี้ยยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง แต่สินเชื่อประเภทรถแลกเงินยังเติบโตดีมาก ช่วยพยุงทั้งพอร์ตรวมเอาไว้
ปัจจุบันธนาคารมีพอร์ตรถภาพรวม ทั้งรถใหม่และมือสอง ราคาไม่เกิน 700,000 บาท ที่เข้ามาตรการช่วยเหลือราว 100,000 กว่าคัน ธนาคารตั้งเป้าหมายให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นราว 50,000 คัน จากมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ ลดการผ่อนชำระต่องวดที่ธนาคารให้บริการทั้งลูกค้ากลุ่มเปราะบางและลูกค้าทั่วไป อยู่แล้ว เฉลี่ย 10,000 คันต่อเดือนอยู่ในกลุ่มรถกระบะ คิดเป็นสัดส่วน 25-30% ของพอร์ตเช่าซื้อรถทั้งรถใหม่และมือสอง
นอกจากนี้ มาตรการช่วยเหลือดังกล่าว เชื่อว่า ช่วยลดจำนวนรถยึดเข้าสู่ลานประมูลลดลงจากช่วงที่ผ่านมายอดรถยึดโอเวอร์ซัพพลาย และน่าจะช่วยพยุงราคารถมือสองเอาไว้ ตอนนี้ราคารถมือสองถือว่ากลับมาอยู่ระดับที่เหมาะสม และยังช่วยหนุนตลาดรถมือสองเติบโตได้
สะท้อนจาก Roddonjai แฟลตฟอร์มซื้อขายรถมือสองชั้นนำของธนาคาร ยังเติบโตดี ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา มีรถยนต์ที่ผ่านการตรวจคุณภาพแล้ว ประกาศขายบนแฟลตฟอร์มดังกล่าว กว่า 65,000 คัน มีผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์ม 1.9 ล้านคนต่อเดือน ส่งผลให้สามารถขายรถได้ถึง 38,000 คัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 70% ของรถที่ขายบนแพลตฟอร์ม มีลูกค้ามาใช้สินเชื่อรถของธนาคาร แล้วกว่า 13,000 ล้านบาท
นายฐากร ตั้งเป้าหมายว่า สิ้นปีนี้จะสามารถขายรถบนแฟลตฟอร์มดังกล่าว แตะ 40,000 คัน และในปีหน้าจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 50,000 คัน ซึ่งในจำนวนดังกล่าว มีสัดส่วนการขอสินเชื่อกับธนาคารได้ราว 70% หรือราย 30,000 กว่าคัน