ดาวโจนส์ปิดลบ Nasdaq พุ่งกว่า 1% รับแรงซื้อหุ้นเทคโนฯ
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบ แต่ดัชนี Nasdaq ปิดพุ่งขึ้นกว่า 1% และดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก ได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ก่อนที่บริษัทอินวิเดีย (Nvidia) จะเปิดเผยผลประกอบการ
ในวันอังคาร (19 พ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 43,268.94 จุด ลดลง 120.66 จุด หรือ -0.28%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,916.98 จุด เพิ่มขึ้น 23.36 จุด หรือ +0.40% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,987.47 จุด เพิ่มขึ้น 195.66 จุด หรือ +1.04%
ในช่วงแรก ดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีร่วงลงอย่างหนัก ท่ามกลางความวิตกกังวลว่าสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนจะลุกลามบานปลาย หลังจากวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียได้ลงนามในกฤษฎีกาอนุมัติหลักการใหม่สำหรับการใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อรับมือกับการโจมตีพรมแดนเป็นวงกว้าง นอกจากนี้ รัสเซียยืนยันว่ายูเครนได้เปิดฉากยิงขีปนาวุธ Army Tactical Missile Systems หรือ ATACMS โจมตีแคว้นไบรอันสค์ของรัสเซียเมื่อวานนี้ หลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ได้อนุมัติให้ยูเครนใช้ระบบขีปนาวุธ ATACMS ของสหรัฐฯ โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย
อย่างไรก็ดี ตลาดลดช่วงลบในเวลาต่อมา หลังจากเซอร์กี ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซียกล่าวว่า รัสเซียจะทำทุกวิถีทางที่เป็นไปได้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสงครามนิวเคลียร์
หุ้นอินวิเดีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิป AI รายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 4.9% และเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนบรรยากาศการซื้อขายในตลาด ก่อนที่บริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสหลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำการในวันพุธ ส่วนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในดัชนี S&P500 พุ่งขึ้น 1.2%
หุ้นวอลมาร์ท ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกใหญ่ที่สุดในโลก พุ่งขึ้น 3% ปิดที่ระดับ 86.60 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้ที่สูงเกินคาดในไตรมาส 3 นอกจากนี้ บริษัทได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ยอดขายและกำไรรายปีติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3
หุ้นซูเปอร์ ไมโคร คอมพิวเตอร์ (Super Micro Computer) ซึ่งเป็นผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI ทะยานขึ้น 31.2% หลังจากซูเปอร์ ไมโคร คอมพิวเตอร์ แต่งตั้งบริษัทบีดีโอ ยูเอสเอ (BDO USA) ให้เป็นผู้ตรวจสอบบัญชี พร้อมกับยื่นแผนธุรกิจต่อตลาด Nasdaq เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ต้องถูกถอดออกจากตลาด
หุ้นเน็ตฟลิกซ์ (Netflix) พุ่งขึ้น 2.9% แตะระดับ 871.32 ดอลลาร์ ซึ่งทำสถิติสูงสุดติดต่อกันเป็นวันที่สอง หลังจากบริษัทเปิดเผยว่ามีผู้ชมการถ่ายทอดสดการชกมวยระหว่าง ไมค์ ไทสัน และ เจค พอล จำนวนมากถึง 108 ล้านคน
ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่โกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า ดัชนี S&P500 จะพุ่งขึ้นแตะระดับ 6,500 จุดได้ภายในสิ้นปี 2568 โดยได้ปัจจัยบวกจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจสหรัฐ และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
โกลด์แมน แซคส์ยังแสดงมุมมองบวกว่า หุ้น 7 บริษัทเทคโนโลยีที่มีมาร์เก็ตแคปสูง หรือ “Magnificent Seven” จะทำผลงานได้โดดเด่นกว่าบริษัทอื่น ๆ ในดัชนี S&P500 ในปีหน้า โดย 7 บริษัทในกลุ่มนี้ได้แก่ อะเมซอน (Amazon), แอปเปิ้ล (Apple), อัลฟาเบท (Alphabet), เมตา แพลตฟอร์มส (Meta Platforms), ไมโครซอฟท์ (Microsoft), อินวิเดีย (Nvidia) และเทสลา (Tesla)