PTT ลั่นปีหน้ารายได้โต ‘เศรษฐกิจ-ยอดขาย’ฟื้น

PTT ลั่นปีหน้ารายได้โต  ‘เศรษฐกิจ-ยอดขาย’ฟื้น

ปตท. ปักธงรายได้ปี 68 เติบโต รับอานิสงส์ “ปริมาณขาย- เศรษฐกิจ” ฟื้นตัว พร้อมเตรียมประกาศงบลงทุนใหม่ระยะ 5 ปี ภายในธ.ค.นี้ และปีนี้คาดรายได้ใกล้เคียงปีก่อน หลังไตรมาส 4 / 67 คาดราคาพลังงานส่ออ่อนตัวลง และปีหน้าคาดน้ำมันดิบตลาดดูไบอ่อนตัว 6% อยู่ที่ 70-80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

นายธนพล ประภาพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายผู้ลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า แนวโน้มผลดำเนินงานปี 2568 คาดยังเติบโตต่อจากปี 2567 จากปริมาณการขายคาดปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นตามการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจเติบโตกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดจีดีพีปีหน้าเติบโต 3% จาก2.8% ในปีนี้        

อย่างไรก็ตาม ขอติดตามทิศทางราคาน้ำมันที่ชัดเจนปีหน้ายังเป็นปัจจัยท้ายทาย ซึ่งราคาน้ำมันดิบในตลาดดูไบในปี 2568 มีแนวโน้มอ่อนตัวราว6% จากปี 2567 คาดปีหน้าเคลื่อนไหวที่ 70-80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล   

โดยมีปัจจัยจากซัพพลายที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากการยกเลิกปรับลดกำลังผลิตน้ำมันโดยสมัครใจของสมาชิกกลุ่มโอเปกพลัส รวมถึงกำลังผลิตของกลุ่มนอนโอเปก กำลังผลิตน้ำมันดิบสำรองในตะวันออกกลาง และกำลังผลิตใหม่ที่ปรับเพิ่มขึ้น จากการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลายประเทศทำให้การบริโภคเพิ่มขึ้น 

“ปีหน้ายังมีปัจจัยกดกัน ก๊าซฯ สำรองในเอเชียและยุโรปที่ยังคงอยู่ระดับสูง จากการที่มีโครงการ LNG ใหม่ๆ ที่เปิดดำเนินการเป็นจำนวนมาก รวมถึงราคาน้ำมันดิบปีหน้ามีแนวโน้มอ่อนตัวลง เทียบกับปีนี้ปัญหาความขัดแย้งภูมิรัฐศาตร์ยังมีความไม่แน่นอน จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก รวมถึงต้นทุนการผลิต และขนส่งทางเรือที่เพิ่มสูงขึ้น แม้ปััจจัยในประเทศรัฐมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะเป็นตัวกระตุ้นความต้องการเพิ่มขึ้น” 

อย่างไรก็ตาม รายได้ทั้งปี 2567 คาดจะทำได้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ทำได้ 3,185,256 ล้านบาท แม้ช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา สามารถทำรายได้แล้วราว 2,366,080 ล้านบาท เติบโต 1% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่คาดช่วงไตรมาส 4 ปี 2567 ทิศทางราคาพลังงานจะอ่อนตัวลง

พร้อมกันนี้ เตรียมประกาศงบลงทุนใหม่ระยะ 5 ปีข้างหน้า (2568-2572) ภายในเดือนธ.ค. 2567 เป็นแผนลงทุนที่อัปเดตกว่าแผนปัจจุบันที่ใช้อยู่ รวมถึงแผนออกหุ้นกู้ชุดใหม่ยังต้องรอดูแผนลงทุนก่อน และปัจจุบันอยู่ระหว่างปรับกลยุทธ์และแผนดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

สำหรับ แนวโน้มธุรกิจกลุ่มบริษัท 1.ธุรกิจสำรวจและผลิตคาดมีปริมาณขายเฉลี่ยปรับเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะโครงการจี 1 ที่กำลังผลิตคาดปรับเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ต้นทุนก๊าซฯ ยังรักษาให้อยู่ในระดับที่ความสามารถแข่งขันได้ แม้ราคาขายเฉลี่ยจะปรับลดลง และเศรษฐกิจไทยยังทยอยฟื้นตัว 

2.ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ คาดจะมีผลบวกจากกำลังผลิตของโรงแยกก๊าซฯ ที่น่าจะฟื้นตัวเพิ่มขึ้นตามปริมาณการผลิตของก๊าซฯ ในอ่าวที่มากขึ้น ด้านต้นทุนก๊าซฯ คาดจะทรงตัวระดับใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ทั้งในอ่าวไทยและเมียนมารวมทั้งความต้องการใช้ก๊าซฯ ในประเทศคาดปรับตัวสูงขึ้นตามการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคท่องเที่ยว และบริการยังปรับตัวดี   

3.ธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) คาดปริมาณขายจะเพิ่มขึ้น จากการฟื้นตัวเศรษฐกิจ และกิจกรรมโปรโมชันต่างๆ ส่วนธุรกิจที่ยังเผชิญแรงกดดัน และความท้าทายปีหน้า 4.ธุรกิจโรงกลั่น ยังมีส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ และค่าการกลั่น (GRM) อาจปรับตัวลดลง ซึ่งคาด GRM ตลาดสิงคโปร์ปีหน้าจะอยู่ที่ 3.7-4.7 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และจากแผนหยุดซ่อมบำรุงของหลายโรงกลั่น รวมถึงยังมีหลายปัจจัยกดดันราคาในปีหน้า 

และ 5.ส่วนธุรกิจปิโตรเคมียังมีหลายแรงกดดันทางเศรษฐกิจ ทั้งการฟื้นตัวความต้องการซื้อยังจำกััดจากเศรษฐกิจชะลอตัว ขณะที่ด้านซัพพลายยังมีการผลิตใหม่เข้ามาต่อ ดังนั้น คาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่หลายๆ ประเทศกำลังออกมาจะช่วยในส่วนราคาให้ปรับเพิ่มขึ้นได้ปีหน้า