GULF จ่อให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ ‘สยาม เอไอ’ ประเดิมรายแรก ครึ่งหลังปี68
“กัลฟ์” เผยครึ่งปีหลังปี 68 จ่อเปิดให้บริการ “ดาต้า เซ็นเตอร์” หลังจับมือ “สยาม เอไอ คอร์เปอเรชั่น” พันธมิตรของ “อินวิเดีย” รายแรกในไทย แย้มกำลังเจรจาลูกค้า “รัฐและเอกชน” ในประเทศใช้บริการอีกหลายราย พร้อมมุ่งสานแผนธุรกิจปีหน้าเติบโต “ก้าวกระโดด”
นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดเผยกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า หลังจากเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2567 บริษัท จีเอสเอ ดาต้า เซนเตอร์ จำกัด (GSA DC) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนที่บริษัทถือหุ้นทางอ้อมในสัดส่วน 40% ผ่านบริษัท กัลฟ์ เอดจ์ จำกัด (Gulf Edge) ได้ลงนามในสัญญาการให้บริการศูนย์ข้อมูล (Data Center) กับบริษัท สยาม เอไอ คอร์เปอเรชั่น จำกัด (Siam AI) ซึ่งเป็นบริษัทไทยรายแรกที่เป็นพันธมิตรกับ NVIDIA Corporation หวังหนุนขับเคลื่อน AI Cloud Solutions ในเมืองไทย
สำหรับ การให้บริการศูนย์ข้อมูลกับ Siam AI มีขนาดค่อนข้างใหญ่ และคาดว่าจะเริ่มให้บริการดังกล่าวได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 ภายหลังจาก “ธุรกิจศูนย์ข้อมูล GSA DC” (Data Center) ของกลุ่มบริษัทปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างและมีแผนจะเปิดให้บริการได้ในช่วงเดือนเม.ย. 2568 ซึ่่งศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ของบริษัทมีขนาด 50 เมกะวัตต์ โดยการลงทุนแบ่งเป็น 2 เฟส โดยเฟสหนึ่ง มีขนาด 25 เมกะวัตต์ และทยอยเปิดให้บริการเฟส 2 ต่อไป
ขณะเดียวกัน ระหว่างนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้าอีกหลายราย ที่จะให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์โดยมีลูกค้าหลักๆ จะเป็นหน่วยงานของภาครัฐและกลุ่ม Hyperscalers Enterprise เช่น สถาบันการเงินและอีคอมเมิร์ซ เป็นต้น
ขณะที่ ภาคองค์กรธุรกิจที่กำลังขับเคลื่อนเข้าสู่ดิจิทัลทรานฟอร์เมชันโดยการประมวลผลและจัดเก็บข้อมูลบนระบบคลาวด์ และการใช้งานด้าน Artificial Intelligence (AI) เป็นปัจจัยสนับสนุนให้องค์กรในประเทศ และไฮเปอร์สเกลเลอร์ (Hyperscalers) ที่เข้ามาสู่ตลาดในประเทศไทย มีความต้องการจัดเก็บและจัดการข้อมูลมากขึ้น
ทางด้าน “ธุรกิจคลาวด์” (Cloud) ที่บริษัท ได้ร่วมมือกับ Google เพื่อให้บริการ Google Distributed Cloud air-gapped มีแผนที่จะเปิดให้บริการในช่วงไตรมาส 2 ปี 2568 โดยมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายทั้งหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น ธุรกิจ health care ธุรกิจพลังงาน และสาธารณูปโภค รวมถึงสถาบันทางการเงิน
นอกจากนี้ บริษัทยังมองการต่อยอดความร่วมมือทางธุรกิจไปสู่บริการอื่นๆ ในอนาคต ซึ่งได้แก่ AI และ cybersecurity อีกด้วย โดยผู้ใช้งาน Google Cloud สามารถเลือกที่จะจัดเก็บข้อมูลที่ศูนย์ข้อมูล GSA DC ของบริษัทได้
นางสาวยุพาพิน กล่าวต่อว่า การเปิดบริการศูนย์ข้อมูล DSA DC (data Center) เป็นหนึ่งในแผนงานที่ช่วยหนุนผลประกอบการของบริษัทในปี 2568 คาดว่าจะเติบโตอย่าง “ก้าวกระโดด” หลังจากการควบรวมระหว่าง GULF และ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH เสร็จสิ้น โดยตามไทม์ไลน์การควบรวบบริษัทระหว่าง GULF และ INTUCH จะสามารถจัดตั้งบริษัทใหม่ (NewCo) คาดแล้วเสร็จในไตรมาส 2 ปี 2568
ขณะที่ คาดว่าในไตรมาส 4 ปี 2567 รายได้รวมยังโตต่อเนื่อง จากโครงการต่าง ๆ ที่เปิดตามแผนโดยโครงการโรงไฟฟ้า GPD หน่วยที่ 4 (662.5 เมกะวัตต์) เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วเมื่อ 1 ต.ค. ที่ผ่านมา จะเริ่มรับรู้ผลการดำเนินงานเต็มไตรมาสของหน่วยผลิตนี้ในไตรมาส 4 นี้
นอกจากนี้ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน มีแผนเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ 5 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 532 เมกะวัตต์ ในเดือนธ.ค.นี้
ประกอบกับในไตรมาส 4 เป็นช่วงไฮซีซัน (High season) ของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมและโรงไฟฟ้าพลังงานลมภายใต้กลุ่ม Gulf Gunkul Corporation ในไทยและโครงการ BKR2 ในเยอรมนี คาดมีผลประกอบการดีขึ้นอีกทั้ง ผลการดำเนินงานของ
บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC คาดเติบโตขึ้นต่อเนื่อง จากจำนวนผู้ใช้งานและ ARPU ที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ปี 2567 ยังคงคาดการณ์การเติบโตของรายได้รวมไว้ที่ 25-30% โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากธุรกิจโรงไฟฟ้าที่จะทยอยเปิด COD ในปีนี้ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนจำนวนเมกะวัตต์ให้เติบโตอีก 2,700 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ทั้งกำลังผลิตรวมเติบโตเป็น 15,000 เมกะวัตต์