EA อนุมัติขายสินทรัพย์ ‘อีเอ โซล่า พิษณุโลก’ มูลค่า 8 พันล้าน คาดเสร็จเม.ย. 68
บอร์ด EA ไฟเขียวขายโครงการ “โรงไฟฟ้าอีเอ โซล่า พิษณุโลก” ทั้งขายหุ้นบางส่วนหรือทั้งหมด หรือ การโอนทรัพย์สินและกิจการทั้งหมด คาดมูลค่าไม่ต่ำกว่า 8 พันล้าน คาดกระบวนการซื้อขายเสร็จเม.ย. 68 เหตุปีหน้ามีภาระทางการเงินต้อง "คืนหนี้แบงก์และหุ้นกู้" 1.51 หมื่นล้าน
นายวสุ กลมเกลี้ยง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า มติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งพิเศษ ที่ 14/2567 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2567 (“ที่ประชุมฯ”) โดยมีมติที่สำคัญดังต่อไปนี้
1.ที่ประชุมฯ ได้มีมติอนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติการเข้าทำรายการจำหน่าย ทรัพย์สินในโครงการโรงไฟฟ้าของ บริษัท อีเอ โซล่า พิษณุโลก จำกัด (“ESP”) รวมถึงอนุมัติกรอบ และหลักการเกี่ยวกับการจำหน่ายสินทรัพย์ดังกล่าว ในการจำหน่ายทรัพย์สินนี้อาจอยู่ในรูปแบบการ จำหน่ายหุ้นสามัญใน ESP ทั้งหมดหรือบางส่วน หรือการโอนทรัพย์สินและกิจการทั้งหมดของ โครงการโรงไฟฟ้า ESP หรือการโอนสิทธิหรือผลประโยชน์จากการประกอบกิจการผลิตและจำหน่าย กระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ของ ESP ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนด
โดยมีมูลค่าการเสนอขาย (1) ตามมูลค่ากิจการ (Enterprise Value)1 หรือ (2) ตามมูลค่าเสนอขาย โครงการ โดยมูลค่าการเสนอขายดังกล่าวต้องไม่ต่ำกว่า 8,000.00 ล้านบาท ให้กับบุคคล และ/หรือ นิติบุคคล รายหนึ่งหรือหลายราย โดยกลุ่มบุคคล และ/หรือนิติบุคคลดังกล่าวต้องมีจำนวนรวมกันไม่ เกินสิบราย (รวมเรียกว่า “ผู้ลงทุน”) และไม่ใช่บุคคลที่เกี่ยวโยงกันกับบริษัทฯ ตามประกาศ คณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ. 21/2551 เรื่องหลักเกณฑ์ในการทำรายการที่เกี่ยวโยงกัน และประกาศ คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่องการเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติการของบริษัทจด ทะเบียนในรายการที่เกี่ยวโยงกัน พ.ศ. 2546 (รวมทั้งที่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม) (“ประกาศรายการเกี่ยวโยง กัน”)
เพื่อเป็นไปตามแผนการบริหารจัดการทางการเงินและชำระหนี้สินของบริษัทฯ (รวมเรียกว่า “ธุรกรรมการจำหน่ายทรัพย์สิน”) ทั้งนี้ ESP เป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นทางอ้อมในสัดส่วนร้อยละ 99.99 ซึ่งประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ในจังหวัดพิษณุโลก และมีขนาดกำลังการผลิต ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 90 เมกะวัตต์
ณ ปัจจุบัน บริษัทฯ อยู่ระหว่างการคัดเลือกผู้ลงทุน รวมทั้งการพิจารณากำหนดรูปแบบการเข้าทำรายการ โดยอาจจะเข้าทำรายการในรูปแบบ ดังต่อไปนี้
1. การจำหน่ายหุ้นสามัญทั้งหมดหรือบางส่วนใน ESP โดยบริษัทฯ จะเจรจากับผู้ลงทุนเพื่อกำหนดให้ สิทธิกับผู้ขาย และ/หรือ บริษัทฯ และ/หรือบริษัทย่อยของบริษัทฯ ในการซื้อหุ้นสามัญของ ESP บางส่วนหรือทั้งหมดคืนจากผู้ลงทุน ภายหลังจากครบกำหนดระยะเวลา 25 ปี นับจากวันที่ธุรกรรม การจำหน่ายทรัพย์สินเสร็จสมบูรณ์ (Completion Date) ในราคาที่ตกลงกันต่อไป โดยมีมูลค่าไม่เกิน 1,000,000 บาท ทั้งนี้ เป็นไปตามเงื่อนไขที่จะกำหนดในสัญญาที่เกี่ยวข้องต่อไป หรือ
2. การโอนทรัพย์สินและกิจการทั้งหมดของโครงการโรงไฟฟ้า ESP โดยบริษัทฯ จะเจรจากับผู้ลงทุนเพื่อ กำหนดให้สิทธิกับผู้ขาย และ/หรือ บริษัทฯ และ/หรือบริษัทย่อยของบริษัทฯ ในการซื้อและรับโอน ทรัพย์สินและกิจการทั้งหมดของโครงการโรงไฟฟ้า ESP คืนจากผู้ลงทุน ภายหลังจากครบกำหนด ระยะเวลา 25 ปี นับจากวันที่ธุรกรรมการจำหน่ายทรัพย์สินเสร็จสมบูรณ์ (Completion Date) ใน ราคาที่ตกลงกันต่อไป โดยมีมูลค่าไม่เกิน 1,000,000 บาท ทั้งนี้เป็นไปตามเงื่อนไขที่จะกำหนดใน สัญญาที่เกี่ยวข้องต่อไป หรือ
3. การโอนสิทธิหรือผลประโยชน์จากการประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงาน แสงอาทิตย์ของ ESP ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนด โดยมีระยะเวลาไม่ เกิน 25 ปี
นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ได้มีมติอนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติการมอบอำนาจให้ คณะกรรมการบริษัทฯ มีอำนาจในการเจรจาในหลักการ เงื่อนไข และข้อตกลงต่าง ๆ เพื่อเข้าทำธุรกรรมการ จำหน่ายทรัพย์สินให้มีความเหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่บริษัทฯ
ในการเข้าทำรายการธุรกรรมการจำหน่ายทรัพย์สินนั้น คณะกรรมการบริษัทฯ จะคัดเลือกและติดต่อผู้ลงทุน รายต่าง ๆ ที่เหมาะสมและมีศักยภาพ ตลอดจนความสามารถในการดำเนินธุรกิจของ ESP ต่อไปได้ใน อนาคต และจะดำเนินการให้ผู้ลงทุนที่สนใจยื่นข้อเสนอขั้นต้น (Non-Binding หรือ Indicative Offer) มายัง บริษัทฯ จากนั้น คณะกรรมการบริษัทฯ จะพิจารณาข้อเสนอขั้นต้นดังกล่าวทั้งในด้านราคาเสนอซื้อขาย รวมถึงข้อกำหนดและเงื่อนไขต่าง ๆ และคัดเลือกผู้ลงทุนเฉพาะรายที่มีความเหมาะสมที่สุดให้ดำเนินการ ตรวจสอบสถานะกิจการของ ESP (Due Diligence) และดำเนินการให้ผู้ลงทุนที่ได้รับคัดเลือกยื่นข้อเสนอ ผูกพัน (Binding Offer) ซึ่งระบุเงื่อนไขเชิงพาณิชย์ต่าง ๆ รวมทั้งรูปแบบการทำธุรกรรม หลักการและ เงื่อนไข เพื่อให้บริษัทฯ พิจารณาคัดเลือกผู้ลงทุนที่บริษัทฯ จะเข้าทำธุรกรรมการจำหน่ายทรัพย์สิน
โดยบริษัทฯ จะพิจารณาถึงข้อเสนอและเงื่อนไขตามที่ได้รับการนำเสนอจากผู้ลงทุนแต่ละรายอย่างถี่ถ้วน โดย คำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นเป็นสำคัญ พร้อมกันนี้เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการ เข้าทำรายการธุรกรรมการจำหน่ายทรัพย์สิน บริษัทฯ จะเจรจาสัญญาหลักที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมดังกล่าว ควบคู่กันไปกับการตรวจสอบสถานะกิจการ โดยหากคณะกรรมการบริษัทฯ สามารถคัดเลือกผู้ลงทุนได้ และ ได้เข้าทำสัญญาหลักที่เกี่ยวกับการขายทรัพย์สินกับผู้ลงทุนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว บริษัทฯ จะดำเนินการแจ้ง รายละเอียดเกี่ยวกับผู้ลงทุนรายดังกล่าวให้ผู้ถือหุ้นทราบผ่านทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (“ตลาด หลักทรัพย์ฯ”) โดยเร็ว
บริษัทฯ คาดว่าภายใต้สัญญาหลักที่เกี่ยวกับการขายทรัพย์สิน ธุรกรรมการจำหน่ายทรัพย์สินจะเกิดขึ้น ต่อเมื่อเงื่อนไขบังคับก่อนเสร็จสิ้น หรือได้รับยกเว้นไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนจากคู่สัญญาที่เกี่ยวข้อง ซึ่ง บริษัทฯ จะพิจารณากำหนดและตกลงกับผู้ลงทุนต่อไป เช่น ผลของการตรวจสอบสถานะกิจการ (Due Diligence) เป็นที่น่าพึงพอใจต่อผู้ลงทุน การได้รับอนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการ และ/หรือที่ประชุมผู้ ถือหุ้นของผู้ลงทุนเพื่ออนุมัติการเข้าทำธุรกรรมการจำหน่ายทรัพย์สิน การได้รับความเห็นชอบหรือได้รับ อนุมัติจากบุคคลภายนอก เจ้าหนี้ หน่วยงานราชการ หรือหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการเข้าทำ ธุรกรรมการจำหน่ายทรัพย์สิน รวมทั้ง ต้องไม่มีเหตุการณ์หรือการกระทำใด ๆ เกิดขึ้นอันเป็นเหตุหรืออาจ เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อธุรกิจ ฐานะของ ESP หรือเป็นผลให้มูลค่าของหุ้นหรือทรัพย์สิน ของ ESP ลดลงอย่างมีนัยสำคัญในระหว่างวันที่มีการเข้าทำสัญญาหลักที่เกี่ยวข้องกับการขายทรัพย์สิน (Execution Date) จนถึงวันที่ธุรกรรมเสร็จสิ้น (Completion Date) เป็นต้น
ในเบื้องต้น บริษัทฯ คาดว่าการเจรจาเงื่อนไขข้อตกลงต่าง ๆ รวมถึงการเข้าทำสัญญาที่เกี่ยวข้องและเงื่อนไข บังคับก่อนทั้งหมดน่าจะเสร็จสิ้น ภายในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน 2568 ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าธุรกรรมการ จำหน่ายทรัพย์สินจะเสร็จสิ้น ภายในเดือนเมษายน 2568 เป็นอย่างช้า
สืบเนื่องจากปัจจุบัน บริษัทฯ มีภาระเงินกู้ยืมที่ต้องชำระโดยแบ่งเป็นเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน รวมจำนวน ทั้งสิ้นประมาณ 27,498.20 ล้านบาท และหุ้นกู้จำนวนทั้งสิ้นประมาณ 31,166.00 ล้านบาท โดยในปี 2568 บริษัทฯ มีภาระทางการเงินที่ต้องชำระเงินกู้ยืมให้กับสถาบันการเงินและผู้ถือหุ้นกู้เป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น ประมาณ 15,194.06 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน จำนวนทั้งสิ้นประมาณ 7,744.06 ล้าน บาท และหุ้นกู้จำนวนทั้งสิ้นประมาณ 7,450.00 ล้านบาท ด้วยเหตุนี้การเข้าทำธุรกรรมการจำหน่าย ทรัพย์สินดังกล่าวจะช่วยลดภาระเงินกู้ยืมของบริษัทฯ จำนวน 4,365.18 ล้านบาท ที่ ESP มีภาระที่ต้อง ชำระต่อสถาบันการเงิน (อ้างอิงจากงบการเงินสอบทานโดยผู้สอบบัญชีของ ESP สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2567) นอกจากนี้ เงินที่ได้รับจากการทำธุรกรรมการจำหน่ายทรัพย์สิน (หลังหักภาษีและค่าใช้จ่าย ที่เกี่ยวข้อง) สามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์แก่บริษัทฯ ต่อไป โดยสามารถสรุปได้ ดังนี้
1. บริษัทฯ จะได้รับเงินสดจากการทำธุรกรรมหลังหักภาษีและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง และจะนำเงินที่จะ ได้รับไปใช้ชำระคืนหนี้เงินกู้ยืมของโครงการ ESP จำนวน 4,365.18 ล้านบาท และชำระคืนหนี้เงินกู้ยืม ให้กับเจ้าหนี้สถาบันการเงินของบริษัทฯ และไถ่ถอนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระ เพื่อเป็นการลดภาระ หนี้สิน และต้นทุนทางการเงินของบริษัทฯ และจะทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนลดลง ซึ่งส่งผลให้บริษัทมี ฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น
2.บริษัทฯ จะสามารถนำเงินที่จะได้รับไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการซึ่งจะช่วยเสริมสภาพคล่อง สำหรับการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ
3.บริษัทฯ จะสามารถนำเงินที่จะได้รับไปใช้ในโครงการก่อสร้างต่าง ๆ ที่บริษัทฯ ดำเนินการอยู่ เพื่อสร้าง ผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นต่อไป
ทั้งนี้ธุรกรรมการจำหน่ายทรัพย์สินดังกล่าว เข้าข่ายเป็นรายการจำหน่ายไปซึ่งทรัพย์สินของบริษัทฯ ตาม ประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ. 20/2551 เรื่อง หลักเกณฑ์ในการทำรายการที่มีนัยสำคัญที่เข้า ข่ายเป็นการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งทรัพย์สิน (รวมทั้งที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม) และประกาศคณะกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในการ ได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ พ.ศ. 2547 (รวมทั้งที่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม) (รวมเรียกว่า “ประกาศเรื่อง รายการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์”) โดยมีขนาดรายการรวมสูงสุด เมื่อคำนวณตามเกณฑ์กำไรสุทธิ จากการดำเนินงาน เท่ากับร้อยละ 49.82 อ้างอิงตามงบการเงินรวมฉบับสอบทานของบริษัทฯ และ ESP สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 โดยบริษัทฯ ไม่มีรายการจำหน่ายไปที่คำนวณด้วยเกณฑ์กำไรสุทธิจาก การดำเนินงานในรอบระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา ดังนั้น ขนาดรายการรวมสูงสุดจึงเท่ากับร้อยละ 49.82 ตามเกณฑ์กำไรสุทธิจากการดำเนินงาน ธุรกรรมการจำหน่ายทรัพย์สินนี้จึงเข้าข่ายเป็นรายการประเภทที่ 2 เนื่องจากมีมูลค่าเท่ากับร้อยละ 15 หรือสูงกว่าแต่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ดังนั้น บริษัทฯ จึงมีหน้าที่ต้องเปิดเผย สารสนเทศเกี่ยวกับธุรกรรมการจำหน่ายทรัพย์สินต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ และนำส่งสารสนเทศดังกล่าวให้แก่ผู้ ถือหุ้นภายใน 21 วันนับจากวันที่ที่มีการเปิดเผยสารสนเทศต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ตามประกาศเรื่องรายการ ได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในช่วงที่คาดว่าธุรกรรมการจำหน่ายทรัพย์สินเสร็จสิ้น หากมีการคำนวณขนาด รายการได้มาซึ่งทรัพย์สินโดยอ้างอิงจากงบการเงินรวมของบริษัทฯ สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 แล้ว บริษัทฯ คาดว่าอาจมีความเป็นไปได้ที่ขนาดรายการสูงสุดจะเกินกว่าร้อยละ 50 แต่ไม่เกินร้อยละ 100
ดังนั้น เพื่อให้เป็นไปตามการกำกับดูแลกิจการที่ดี และเพื่อให้ผู้ถือหุ้นได้มีส่วนร่วมในการพิจารณาเรื่องดังกล่าว คณะกรรมการบริษัทฯ จึงพิจารณาให้เปิดเผยข้อมูลการเข้าทำธุรกรรมการจำหน่ายทรัพย์สินในครั้งนี้ แต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ และขออนุมัติการทำธุรกรรมการจำหน่ายทรัพย์สินดังกล่าวต่อที่ประชุม ผู้ถือหุ้น
ดังนั้น การเข้าทำธุรกรรมการจำหน่ายทรัพย์สินในครั้งนี้ บริษัทฯ จึงปฏิบัติตามประกาศเรื่องรายการได้มา หรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ดังนี้
1. เปิดเผยสารสนเทศเกี่ยวกับธุรกรรมการจำหน่ายทรัพย์สินต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ
2. จัดให้มีการประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อขออนุมัติธุรกรรมการจำหน่ายทรัพย์สิน โดยบริษัทฯ ต้องได้รับอนุมัติ จากที่ประชุมผู้ถือหุ้นด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มา ประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน โดยไม่นับคะแนนเสียงในส่วนของผู้ถือหุ้นที่มีส่วนได้เสีย และ
3. แต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินอิสระที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์เพื่อให้ความเห็นเกี่ยวกับธุรกรรมการจำหน่ายทรัพย์สิน และจัดส่งรายงาน ความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระดังกล่าวต่อผู้ถือหุ้น
ทั้งนี้ ธุรกรรมการจำหน่ายทรัพย์สินข้างต้นต้องไม่เข้าข่ายเป็นการเข้าทำรายการกับบุคคลที่เกี่ยวโยงกันของ บริษัทฯ ตามประกาศรายการเกี่ยวโยงกัน
ในการนี้ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติแต่งตั้ง บริษัท ฟินน์คอร์ป แอดไวซอรี่ จำกัด ให้เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระของบริษัทฯ เพื่อจัดทำรายงานความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ และนำเสนอต่อผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ เกี่ยวกับความสมเหตุสมผลของการเข้าทำธุรกรรมการจำหน่ายทรัพย์สิน ของบริษัทฯ ซึ่งเข้าข่ายเป็นรายการจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทฯ
เมื่อพิจารณาถึงเหตุผลความจำเป็นและความเร่งด่วนของการทำธุรกรรมการจำหน่ายทรัพย์สิน บริษัทฯ จึงมี ความจำเป็นต้องเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติกรอบและหลักการเกี่ยวกับการเข้าทำธุรกรรม การจำหน่ายทรัพย์สินของบริษัทฯ ไปควบคู่กันกับที่บริษัทฯ ดำเนินการคัดเลือกผู้ลงทุนที่เหมาะสม รวมทั้ง การกำหนดและเจรจารูปแบบการทำธุรกรรมการจำหน่ายทรัพย์สิน หลักการ และเงื่อนไขต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง กับการเข้าทำธุรกรรมการจำหน่ายทรัพย์สิน ในการนี้ เพื่อให้การทำธุรกรรมการจำหน่ายทรัพย์สินดังกล่าว สามารถเสร็จสิ้นภายในเดือนเมษายน 2568 ด้วยเหตุดังกล่าว บริษัทฯ จึงจะเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้น พิจารณาอนุมัติการมอบอำนาจให้คณะกรรมการบริษัท และ/หรือบุคคลที่ได้รับมอบหมายจาก คณะกรรมการบริษัทเป็นผู้มีอำนาจในการดำเนินการภายใต้กรอบและหลักการที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ ถือหุ้นของบริษัทฯ และภายใต้เงื่อนไขและข้อจำกัดของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของ บริษัทฯ และผู้ถือหุ้นเป็นสำคัญ ซึ่งรวมถึงการดำเนินการดังต่อไปนี้
1. พิจารณา คัดเลือก กำหนด และเปลี่ยนแปลงผู้ลงทุนที่บริษัทฯ จะเข้าทำธุรกรรมการจำหน่าย ทรัพย์สิน
2. พิจารณาและกำหนดรายละเอียด รูปแบบและเงื่อนไขที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกรรมการจำหน่าย ทรัพย์สิน รวมถึงการกำหนดราคาซื้อขาย
3. เจรจา ตกลง เปลี่ยนแปลง เข้าทำ และลงนามในสัญญาและเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรม การจำหน่ายทรัพย์สิน
4. ลงนาม เปลี่ยนแปลง แก้ไข ยื่นและส่งมอบเอกสารหรือหลักฐานอื่นใดที่จำเป็นและเกี่ยวข้องกับ การทำธุรกรรมการจำหน่ายทรัพย์สิน เพื่อขออนุญาต บอกกล่าว หรือขอความยินยอม ขอผ่อนผัน ต่อหน่วยงานหรือบุคคลใด ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงการติดต่อ ยื่นให้ถ้อยคำ และชี้แจงต่อหน่วยงาน หรือบุคคลใด ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การเข้าทำธุรกรรมการจำหน่ายทรัพย์สินแล้วเสร็จ
5. มอบอำนาจช่วง หรือแต่งตั้งบุคคลใด หรือพนักงานในกลุ่มบริษัทฯ มีขอบเขตอำนาจตามที่ คณะกรรมการบริษัทฯ เห็นสมควร ภายใต้กรอบที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น และ
6. ดำเนินการอื่นใดที่จำเป็นและเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมการจำหน่ายทรัพย์สิน
ทั้งนี้ การมอบอำนาจดังกล่าวจะมีระยะเวลา 1 ปีนับแต่วันที่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติให้บริษัทฯ เข้าทำ ธุรกรรมการจําหน่ายทรัพย์สินดังกล่าว 2. (โปรดพิจารณารายละเอียดเพิ่มเติมของการเข้าทำธุรกรรมการจำหน่ายทรัพย์สินของบริษัทฯ ปรากฏตาม สารสนเทศเกี่ยวกับการเข้าทำรายการจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทฯ สิ่งที่ส่งมาด้วย)
ที่ประชุมฯ ได้มีมติอนุมัติให้กำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 2/2568 ในวันที่ 31 มกราคม 2568 เวลา 10.00 น. โดยวิธีการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-EGM) เพียงรูปแบบเดียวเท่านั้น ตามพระราช กำหนดว่าด้วยการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2563 และกฎหมายและกฎระเบียบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยกำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 2/2568 (Record Date) ในวันที่ 7 มกราคม 2568
โดยมีระเบียบวาระการประชุมเพียงวาระเดียว คือ วาระที่ 1 พิจารณาอนุมัติการเข้าทำรายการจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ในโครงการโรงไฟฟ้า อีเอ โซล่า พิษณุโลก โดยกำหนดกรอบและหลักการเกี่ยวกับการจำหน่ายสินทรัพย์ โดยมีมูลค่าการเสนอขาย (1) ตามมูลค่ากิจการ (Enterprise Value) หรือ (2) ตามมูลค่าเสนอขายโครงการ โดยมูลค่าการ เสนอขายดังกล่าวต้องไม่ต่ำกว่า 8,000 ล้านบาท รวมทั้งการมีสิทธิซื้อทรัพย์สินคืนภายหลังจากระยะเวลา 25 ปี นับจากวันที่ธุรกรรมการจำหน่ายทรัพย์สินเสร็จสิ้น และการมอบอำนาจให้ คณะกรรมการบริษัทดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายสินทรัพย์ของบริษัทฯ
นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ได้มีมติอนุมัติมอบอำนาจให้ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ/หรือ บุคคลอื่นใดซึ่ง ได้รับการมอบหมายจากประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มีอำนาจในการเปลี่ยนแปลง แก้ไข วัน เวลา รูปแบบ รวมทั้งรายละเอียดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 2/2568 ตามความเหมาะสม ภายใต้ข้อจำกัดของกฎหมาย โดยพิจารณาประโยชน์ และ/หรือ ผลกระทบที่มีต่อบริษัทฯ เป็นสำคัญ