หุ้น CPAXT ดิ่งหนัก 18% หลังเข้าลงทุนโครงการมิกซ์ยูส The Happitat

หุ้น CPAXT ดิ่งหนัก 18% หลังเข้าลงทุนโครงการมิกซ์ยูส The Happitat

หุ้น CPAXT ดิ่งกว่า 18% หลังเตรียมเข้าลงทุนโครงการมิกซ์ยูส "The Happitat" โบรกเกอร์ มีโอกาสเห็น Downside พร้อมเตรียมปรับประมาณการกำไร และราคาเป้าหมาย

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT ปรับตัวลงแรงกว่า 18% โดยทำราคาต่ำสุดของครึ่งวันเช้าอยู่ที่ 28 บาท และราคาสูงสุดของครึ่งเช้า 30 บาท

หลัง CPAXT แจ้งการจัดตั้ง บริษัท แอ็กซ์ตร้า โกรท พลัส จำกัด (AGP) เพื่อเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทย่อยทางอ้อมคือ บริษัท แฮปปี้แทท แอท เดอะ ฟอเรสเทียส์ จำกัด (HATF) ในสัดส่วนร้อยละ 100 (ยกเว้นหุ้น 1 หุ้น) ซึ่งประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสาน (Mixed-Use Development) ภายใต้โครงการชื่อ The Happitat

การเข้าร่วมลงทุนในหุ้นของ AGP โดยบริษัท เข้าลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 95 โดยการชำระค่าหุ้นที่ออกใหม่ของ AGP เป็นเงินสดจำนวนประมาณ 7,970 ล้านบาท และบริษัท เอ็มคิวดีซี ทาวน์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เข้าลงทุนในสัดส่วนร้อยละ5 โดยชำระค่าหุ้นที่ออกใหม่ของ AGP ด้วยทรัพย์สิน คือ หุ้นใน HATF

โดยคณะกรรมการของบริษัท ได้พิจารณาอนุมัติให้บริษัท เข้าทำการร่วมลงทุนในโครงการ The Happitat โดยพิจารณาความเหมาะสมของการร่วมลงทุน และมูลค่าการร่วมลงทุนในครั้งนี้อย่างรอบคอบ โดยมีการพิจารณามูลค่าทรัพย์สินในโครงการ The Happitat ซึ่งได้มี การประเมินมูลค่าโดยผู้ประเมินมูลค่าทรัพย์สินที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และเห็นว่าการลงทุนในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อบริษัท และเป็นการต่อยอดธุรกิจของบริษัท ในส่วนของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสาน (Mixed-Use Development) โดยคณะกรรมการตรวจสอบของบริษัท มิได้มีความเห็นแตกต่างจากความเห็นของคณะกรรมการของบริษัท

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า CPAXT ประกาศตั้งบริษัทย่อยใหม่ “Axtra Growth Plus” ถือหุ้น 95% และ MQDC Town 5% ด้วยเงินลงทุน 8,390 ล้านบาท โดย Source of fund เป็นเงินกู้ยืมระยะยาวทั้งจำนวน ซึ่ง Axtra growth plus ถือหุ้นใน “Happitat at the Forestias” 100% ซึ่งประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ แบบ Mixed-use development ภายใต้โครงการ “The Happitat” ตั้งอยู่ด้านหน้าของโครงการ The Forestias บริเวณถนนบางนา-ตราด กม. 5-6

โดยโครงการสร้างเสร็จแล้วราว 80% และคาดเริ่มเปิดดำเนินการ 1Q26 ระยะสั้นมองเป็นลบเล็กน้อย จากดอกเบี้ยจ่ายที่สูงขึ้นจะกระทบประมาณการกำไรปี 2025 ราว 1-2%

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าโครงการจะ Break even ระดับ EBITDA ภายในปี 2026 และระดับ EBIT ในปี 2027 เบื้องต้นประเมินว่ามีโอกาสเห็น Downside และปรับประมาณการกำไร และราคาเป้าหมาย 42 บาทลง

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์