หุ้นโรงพยาบาล ปี 68 คาดผลประกอบการยังเติบโต ระยะกลาง-ยาว รับแรงหนุนมาตรการจากภาครัฐ
หุ้นโรงพยาบาล ปี 68 คาดผลประกอบการยังเติบโต ระยะกลาง-ยาว รับแรงหนุนมาตรการจากภาครัฐ โบรก แนะ BDMS และ BCH เป็นหุ้นเด่น
ถกล บรรจงรักษ์ นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ผลประกอบการในไตรมาส 4/67 หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลชะลอตัว QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล เทียบYoY เราคาดเติบโต Low single digit โดยกลุ่ม รพ.ที่รับผู้ป่วยต่างชาติในสัดส่วนสูง BH ให้ข้อมูลรายได้ทรงตัวถึงปรับลดลง 3% YoY สวนทางกับ BDMS ที่คาดรายได้ยังเติบโต YoY เนื่องจาก มี รพ.ในเครือที่อยู่ในจังหวัดท่องเที่ยวจึงรับประโยชน์จาก Medical Tourism
สำหรับ รพ.ที่รับผู้ป่วยเงินสด คาด PR9 เติบโตเด่นสุด จากกลยุทธ์ในการขยายฐานต่างชาติมากขึ้น และกลยุทธ์ควบคุมต้นทุน ส่วนกลุ่ม รพ.ที่รับประกันสังคม ยังมีปัจจัยเสี่ยงสำหรับการเบิกจ่ายเงินชดเชยโรคร้ายแรง จากงบประมาณไม่เพียงพอเราอิงสมมติฐานแบบอนุรักษ์นิยม เท่าเดิมที่ 7,200 บาท/RW ทำให้กำไรมีโอกาสปรับลดลง YoY
ทั้งนี้ จากประเด็นที่ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ให้ความเห็นถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงรูปแบบประกันไปสู่ระบบร่วมจ่าย (Co-payment) ในอนาคต เนื่องจากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาค่ารักษาพยาบาลเพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่งผลให้การเคลมหรืออัตราส่วนค่าสินไหมทดแทน (Loss Ratio) ของบริษัทประกันสูงขึ้น จึงมีโอกาสที่ทางประกันจะปรับรูปแบบเป็นแบบ Co-payment มากขึ้น
โดยทั่วไปสำหรับประกันแบบ Co-payment ลูกค้าจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายบางส่วนประมาณ 10-30% ของค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดจากประเด็นข่าวดังกล่าวทำให้ตลาดมีความกังวลว่ากลุ่ม รพ.จะถูกระทบจากรายได้ที่หายไป โดยปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากประกันสุขภาพต่อรายได้รวมของหุ้น รพ. สำหรับ BDMS ที่ 30% BH 19% BCH 25% CHG 24% PR9 27%และ VIBHA 30% ตามลำดับ
อย่างไรก็ตามเราประเมินผลกระทบจำกัด เนื่องจาก
1.ผลกระทบต่อผู้บริโภค หากมีค่าใช้จ่ายเพิ่มจะมีผลต่อการตัดสินใจในประเภทโรคทั่วไปไม่รุนแรง เช่น หาซื้อยากินเองแทนที่จะมา รพ.แต่ในการรักษาโรคซับซ้อนคาดไม่กระทบโดยสัดส่วนรายได้โรคทั่วไปเป็นสัดส่วนที่น้อยกว่า ราว 10% เมื่อคิดเป็นผลกระทบต่อรายได้รวม กรณี worst case กรณีลูกค้ามีความอ่อนไหวต่อค่าใช้จ่ายสูง จะอยู่ที่ราว 2%-3% ของรายได้รวม
2.เบี้ยประกันสุขภาพแบบ Co-payment มักจะถูกกว่าประกันสุขภาพแบบทั่วไป 10%-50% ทาง รพ.ให้ความเห็นว่าเป็นโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงระบบประกันของกลุ่ม รพ.เอกชนมากขึ้น
ขณะที่ในปี 2568 มีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการ เนื่องจากประเด็นข่าวลบที่กดดันหุ้นกลุ่ม รพ.ในปี 2567 ได้คลี่คลายแล้ว ได้แก่
1.สปส.มีการปรับอัตราการเบิกจ่ายเงินชดเชยโรคร้ายแรง (Adj RW>2) เป็นแบบคงที่ 12,000 บาท/RW ตลอดปี 2568 ทำให้ไม่ต้องกังวลเหมือนช่วง 2 ปีที่ผ่านมาที่ถูกปรับลดลงมาเหลือ 7,200 บาท/RW เป็นบวกต่อโรงพยาบาลที่มีรายได้จากประกันสังคมได้แก่ BCH CHG RJH LPH และ VIBHA
2.จากกรณีรัฐบาลคูเวตปรับนโยบายการรักษาส่งต่อผู้ป่วยมายังประเทศไทย และกลับมาพิจารณาตรวจสอบคุณสมบัติโรงพยาบาลคาดแล้วเสร็จในช่วงต้นปี นอกจากนี้คาดผลประกอบการกลุ่ม รพ.เติบโต จากการเพิ่มจ านวนเตียง และสร้างโรงพยาบาลใหม่ การขยายศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง เราประมาณกำไรกลุ่มโรงพยาบาล ปี 2568 ที่ 22,200 ล้านบาท เติบโต 9 % YoY
ทั้งนี้ ราคาลงสะท้อนข่าวลบมากไป เลือก BDMS และ BCH เป็นหุ้นเด่น เราคงน้ำหนักการลงทุนของกลุ่มโรงพยาบาลมากกว่าตลาด เนื่องจาก กลุ่มโรงพยาบาลมีความ defensive มีความเสี่ยงต่ำในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว
ขณะที่ราคาหุ้นปรับลดลงสะท้อนข่าวลบมากไป จากประเด็น Co-payment ซึ่งเรามองว่ากระทบจำกัด แนวโน้มปี 2568 คาดผลประกอบการยังเติบโตดี ภาพระยะกลางถึงยาวมองเป็นบวกจากมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ โดยถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักที่ภาครัฐสนับสนุนให้เป็นกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ