RS - RSXYZ ดิ่งฟลอร์ 2 วันรวด โบรกเกอร์หวั่นงบไตรมาส 4/67 ติดลบ ขาดสภาพคล่อง ธุรกิจอาหารเสริมทรุดหนัก
RS - RSXYZ ดิ่งฟลอร์ 2 วันรวด หุ้น RS เปิดตลาดร่วงหนักลบ 29.95% ราคาลดลง 1.12 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 2.62 บาท ขณะที่ RSXYZ เปิดตลาดลดลง 24.35% ราคาลดลง 0.28 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 0.87 บาท โบรกเกอร์หวั่นงบไตรมาส 4/67 ติดลบ ขาดสภาพคล่อง ธุรกิจอาหารเสริมทรุดหนัก
ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยภาคเช้า ณ วันที่ 8 ม.ค.68 เวลา 10.00 น.หุ้น RS และ RSXYZ เปิดตลาดดิ่งฟลอร์เป็นวันที่ 2 หลังจากมีกระแสข่าวสะพัดโดน "ฟอร์ซเซล" โดยหุ้น RS หรือ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดตลาดร่วงหนักลบ 29.95% ราคาลดลง 1.12 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 2.62 บาท ขณะที่ RSXYZ หรือ บริษัท อาร์เอสเอ็กซ์วายแซด จำกัด (มหาชน) เปิดตลาดลดลง 24.35% ราคาลดลง 0.28 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 0.87 บาท
กิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ต้องยอมรับว่ามีข้อกังขาที่แปลกใจอยู่เช่นกัน เนื่องจากว่า ณ ขณะนี้ตลาดยังไม่มีความชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นกับหุ้น RS มีแต่การคาดการณ์ว่าเกิดการบังคับขาย หรือ ฟอร์ซเซล ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ จากสาเหตุราคาหุ้นตก หรือการเกิดจากการที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีเกณฑ์ที่ควบคุมความเสี่ยง ซึ่ง ณ ขณะนี้ ก.ล.ต. กำลังรับฟังความคิดเห็นอยู่ แต่ยังไม่มีการบังคับใช้ ซึ่งเกณฑ์ใหม่ หากมีบัญชีมาร์จินที่มีการกระจุกตัวจากนักลงทุนรายใหญ่ และมีการขอวางบัญชีมาร์จิน 10-20% ของทุนจดทะเบียน จึงอาจจะต้องมีการตั้งสำรองเพิ่มในส่วนนั้น แต่ยังไม่มีบังคับใช้ เพราะขณะนี้เป็นแค่การรับฟังความคิดเห็นเท่านั้น ดังนั้นจึงต้องได้ยากว่า เป็นการโดนบังคับขายจากเกณฑ์ใหม่ของ ก.ล.ต.หรือไม่
แต่จุดที่น่าสนใจในทางพื้นฐาน ผลประกอบการ RS มีการชะลอตัวลงไปเยอะมาก เมื่อเทียบกับ 2 ปีก่อนหน้า จะเห็นจากระดับกำไร 1,300 ล้านบาท ลงมาเหลือแค่ 12 ล้านบาทเท่านั้น ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่ EBITDA อยู่ที่ 566 ล้านบาท ในขณะที่หนี้ที่จะถึงกำหนดชำระในอีก 1 ปีข้างหน้าอยู่ประมาณ 500 ล้านบาทเช่นกัน มีเงินสด 300 ล้านบาท ทั้งหมดเป็นตัวเลขประมาณเดือน 9 เพราะฉะนั้นจึงกลายเป็นความเสี่ยง จากผลประกอบการที่มีการชะลอตัวด้วยภาระหนี้ที่จำเป็นจะต้องคืนหนี้หรือไม่ แม้จะยังไม่เห็นงบในไตรมาส 4/67
อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลัง RS ฝั่งทีวีผลประกอบการไม่สู้ดีนัก ขณะที่ commercial หรือธุรกิจอาหารเสริมกลับแย่ลง ซึ่งถือว่าเป็นขาที่เลี้ยงองค์กร ส่งผลให้ธุรกิจทั้งกลุ่มเกิดเป็นภาพที่ชะลอตัว โดยสิ่งที่จะมาเฉลยได้ต้องมาดูผลประกอบการในไตรมาส 4/67 จะแย่ลง หรือพลิกเป็นขาดทุน ในความเสี่ยงในการชำระหนี้ไม่ได้ หรือขาดสภาพคล่อง
ทั้งนี้ ด้วยผลประกอบการที่มีการชะลอตัวลงแรง ทำให้มีการประเมินมูลค่าที่เหมาะสมได้ค่อนข้างยาก ซึ่งหากผลประกอบไตรมาส 4/67 ชะลอตัวลงหรือถึงขั้นติดลบ มีโอกาสกระทบไปยังสภาพคล่องความเสี่ยงในการเพิ่มทุนในระยะถัดไป ดังนั้นแนะนำนักลงทุนให้ติดตามผลประกอบการไตรมาส 4/67 และความชัดเจนของหุ้นที่ปรับตัวลงแรงเกิดจากสาเหตุอันใดก่อนตัดสินใจลงทุน
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์