หุ้น TOP บวก 3.70% หลังยึดเงินหลักประกันฯ ได้ 1.2 หมื่นลบ. ช่วยลดต้นทุนโครงการ CFP

หุ้น TOP บวก 3.70% หลังยึดเงินหลักประกันฯ ได้ 1.2 หมื่นล้านบาท โบรกเผย คาดช่วยลดภาระต้นทุนส่วนเพิ่มโครงการ CFP ได้ ราว 15% ลดภาระทางการเงิน ปรับราคาเป้าหมายเป็น 33.0 บาท/หุ้น แนะนาขึ้นซื้อ
ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยภาคเช้า ณ วันที่ 27 ม.ค.68 เวลา 10.15 น. หุ้น TOP หรือ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) บวก 3.70% เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือราคาเพิ่มขึ้น 28.00 บาท หลัง TOP แจ้งสามารถบังคับหลักประกันฯ จากผู้รับเหมาฯหลักทางานก่อสร้างไม่ได้ตามสัญญาฯราว 12,339 ล้านบาท คาดช่วยลดภาระต้นทุนส่วนเพิ่มโครงการ CFP ได้ ราว 15% และลดภาระทางการเงิน
ศรชัย พิทยาพฤกษ์ นักวิเคราะห์อาวุโส กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี บล.กรุงศรี เปิดเผยว่า จากประเด็นที่มีข่าวปรากฏในสื่อเรื่องการเปิดเผยข้อมูลของ Samsung E&A ต่อตลาดหลักทรัพย์ของประเทศเกาหลีใต้ เกี่ยวกับการชำระเงินเนื่องจากการที่ บมจ. ไทยออยล์ หรือ TOP ในฐานะเจ้าของโครงการพลังงานสะอาด (Cleam Fuel Project/ CFP) ได้มีการบังคับหลักประกันสำหรับโครงการ
โดย TOP ชี้แจงว่า ได้บังคับหลักประกันฯตามสัญญาฯ และเพื่อประโยชน์ของบริษัทฯและผู้ถือหุ้นเป็นจานวนเงินราว 12,339 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทฯ ขอยืนยันว่าจะดำเนินการอย่างเต็มความสามารถเพื่อผลักดันโครงการให้เดินหน้าต่อไปให้ดีที่สุด
ทั้งนี้ จากการสอบถามเพิ่มเติมการยึดหลักประกันฯ ยังมีมูลค่าเหลืออีกราวราว 4.3 พันล้านบาท (ที่อัตราแลกเปลี่ยน 34.5 บาท/$usd) โดยบริษัทไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเป็นส่วนของผู้รับเหมาฯใดใน UJV อยู่ระหว่างดำเนินการ หากยึดได้จะเป็นมูลค่าเพิ่มอีกราว 1.9 บาท/หุ้น มูลค่าหลักประกันฯทั้งหมดคือราว 483$mn หรือ 16,634 ล้านบาท
และคงแผนทยอย COD โครงการ CFP แต่ละหน่วยไปจนถึง 3Q28 ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอผลประชุมวิสามัญฯ/EGM วันที่ 21 ก.พ.68 เพื่อดำเนินการก่อสร้างต่อ มองสามารถดำเนินการต่อได้ตามแผน โดยต้นทุนส่วนเพิ่มบวกดอกเบี้ยรวมราว 8.1 หมื่นล้านบาท และเรารวมไว้ในประมาณการแล้ว ได้มีค่าที่ปรึกษาด้านเทคนิคและค่าใช้จ่ายที่เผื่อกรณีต้องหาผู้รับเหมาฯรายใหม่ไว้แล้ว TOP พร้อมดาเนินการด้านกฏหมายเพื่อรักษาสิทธิ์ต่อไปเพื่อลดผลกระทบของต้นทุนส่วนเพิ่มของโครงการ CFP
โดย มอง Positive ต่อการยึดเงินหลักประกันฯ ได้ 1.2 หมื่นล้านบาทมาช่วยลดภาระต้นทุนส่วนเพิ่มของ CFP และลดภาระทางการเงิน คิดเป็นราว 15% ของต้นทุนส่วนเพิ่ม 8.1หมื่นล้านบาท รวมถึงสะท้อนว่ามีโอกาสสูงที่จะเห็น TOP เปลี่ยนผู้รับเหมาฯหลักในการก่อสร้างทำให้ตัดความเสี่ยงการชำระค่าจ้างผู้รับเหมาฯช่วงยืดเยื้อได้โดยเรามองต้นทุนส่วนเพิ่มที่บริษัทประกาศราว 8.1หมื่นล้านบาท รวมในประมาณการแล้ว ได้รวมค่าใช้จ่ายกรณีที่ต้องเปลี่นผู้รับเหมาฯ และจ่ายชดเชยผู้รับเหมาฯช่วงย้อนหลังรวมถึง stanby cost ไว้แล้ว คาดเห็นบริษัทเปิดเผยข้อมูลมากขึ้นหลังผ่าน EGM
และปรับปีนี้ขึ้นเป็น 33.0 บาท สะท้อนการได้เงินสดจากการยึดหลักประกันฯและปรับคาแนะขึ้นเป็น Buy เรารวมการยึดเงินหลักประกันฯ 1.2 หมื่นล้านบาท ไม่บันทึกผ่านงบกำไรขาดทุนฯ แต่เป็นการ capitalized ลดต้นทุนก่อสร้างเพื่อลดภาระค่าเสื่อมฯในอนาคต มองเป็นโอกาสซื้อหลังภาระต้นทุนส่วนเพิ่มลดลงจากได้เงินหลักประกันฯมาชดเชย และยังมี upside risk หากยึดเงินประกันฯได้เพิ่มเติมรวมถึงได้ค่าชดเชยจากรักษาสิทธิ์ตามกฏหมายโดยราคาหุ้นที่ปรับลดไปตั้งแต่ 20 ธ.ค.2567 น่าจะรับปัจจัยลบการประกาศต้นทุนส่วนเพิ่มโครงการ CFP ในช่วงเดียวกันไปแล้ว