อัพเดตพอร์ตหุ้น 'นิติ โอสถานุเคราะห์' ทายาทโอสถสภา มั่งคั่งเฉียด 5 หมื่นล้าน 

อัพเดตพอร์ตหุ้น 'นิติ โอสถานุเคราะห์' ทายาทโอสถสภา มั่งคั่งเฉียด 5 หมื่นล้าน 

อัพเดตพอร์ตหุ้น 'นิติ โอสถานุเคราะห์' ทายาทโอสถสภา ปัจจุบันถือหุ้นใหญ่ 10 หุ้น มั่งคั่งเฉียด 5 หมื่นล้าน หุ้น MINT มูลค่าพอร์ตมากสุด 13,329 ล้านบาท ขณะที่ผลตอบแทนราคา 1 ปี -20.66% ส่วน OSP มูลค่าพอร์ต 12,727 ล้านบาท ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 1 ผลตอบแทนราคา 1 ปี -18.14%

ชื่อชั้นของ 'นิติ โอสถานุเคราะห์' เป็นที่รู้จักในวงการนักลงทุนรายใหญ่ชื่อดังที่ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในระดับหลักหมื่นล้าน ทำให้เขาติดอันดับ 10 เศรษฐีหุ้นเมืองไทยติดต่อกันมาหลายปี ปัจจุบันมีมูลค่าพอร์ตกว่า 4.91 หมื่่นล้านบาท 

นอกจากนั้น เขายังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่สุดของ OSP หรือ บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) ถือ จำนวน 723,097,300 หุ้น หรือ 24.07% ช่วงหลังๆ หุ้น OSP ทำราคาปรับลงติดต่อกันหลายวันอย่างต่อเนืื่อง ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า สาเหตุมาจากนักลงทุนเทขาย เนื่องจากคาดไตรมาส 4/67 กำไรต่ำคาดจากตลาดเครื่องดื่มชูกำลังแข่งเดือดและค่าใช้จ่ายพุ่ง

1.บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) MINT

  • มูลค่าพอร์ต 13,329 ล้านบาท 
  • ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 2 จำนวน 555,384,428 หุ้น สัดส่วน 9.80%  
  • ผลตอบแทนราคา 1 ปี -20.66%
  • ราคาปิด 29 ม.ค.68 ที่ 24.00 บาท
  • มาร์เก็ตแคป 136,079 ล้านบาท

บล.กรุงศรี คาดกำไรปกติในไตรมาส 4/67 จะเติบโตทั้ง yoy และ qoq โดยได้แรงหนุนจากการดำเนินงานของโรงแรมที่แข็งแกร่งในยุโรป ไทย และมัลดีฟส์ การขยายตัวของอัตรากำไร และค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ลดลงหลังจากการชำระคืนเงินกู้จานวนมากปัจจัยบวกเหล่านี้จะสนับสนุนการเติบโตของก าไรปกติที่ 10% ต่อปี (CAGR) ในช่วงปี 2568-2570  เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" และราคาเป้าหมายที่ 38 บาท

2.บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) OSP

  •  มูลค่าพอร์ต 12,727 ล้านบาท 
  • ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 1 จำนวน 723,097,300 หุ้น สัดส่วน 24.07%  
  • ผลตอบแทนราคา 1 ปี -18.14%
  • ราคาปิด 29 ม.ค.68 ที่ 17.60 บาท
  • มาร์เก็ตแคป 52,866 ล้านบาท

บล.บียอนด์ ระบุว่า กำไรไตรมาส 4/67 จะแย่กว่าที่ประเมินไว้ ทั้งที่มีปัจจัยบวกจากส่วนแบ่งกำไรที่สูงขึ้นจากธุรกิจระหว่างประเทศ และ ต้นทุนเศษแก้วยังทรงตัวในระดับต่ำ แต่แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/67 จะได้รับผลกระทบจากส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มให้กำลังงานในประเทศลดลงจาก 45.4% เป็น 45.0% ในไตรมาส 3/67 รวมถึงค่าใช้จ่ายการตลาดที่เพิ่มมากขึ้นและ One-off items จากการRevalue กิจการในยุโรป 50-60 ล้านบาท และมี FX loss อีก 50-60 ล้านบาท รวมกันเป็น 110-120 ล้านบาท ขณะที่กำไรพิเศษจากการขายโรงงานพม่า 130 ล้านบาท จากการขายโรงงานขวดแก้วในเมียนมาร์จะถูกเลื่อนไปบันทึกในไตรมาส 1/68 แทน

โดยบริษัท เตรียมออก M-150 ฝาเหลืองราคา 10 บาท บริษัทเน้นย้ำถึงกลยุทธ์ Total Portfolio มากกว่าเน้นที่สินค้าหลักตัวใดตัวหนึ่ง โดยบริษัทตั้งเป้าแย่งส่วนแบ่งตลาดกลับมาในปี 2568 นี้ประมาณ 5% เทียบกับส่วนแบ่งตลาด 45.8% ในปี 2567 ขยับเข้าใกล้ระดับ 50% ด้วยแคมเปญฉลองครบรอบ 40 ปี ตั้งแต่เดือน ก.พ. เป็นต้นไป ได้แก่การออกM-150ฝาเหลืองราคา10บาทรสชาติเดิมขนาดเดิมซึ่งเป็นที่นิยมอยู่ก่อนแล้วรุกร้านค้าปลีกในชุมชนที่เป็นจุดแข็งของคู่แข่ง นอกจากนี้บริษัทวางแผนออกผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งกลุ่มเครื่องดื่มและกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น

ทั้งนี้ ได้ปรับลดประมาณการกำไรปี 2567 และ 2568 ลง 9% และ 12% ตามลำดับ เพื่อสะท้อนค่าใช้จ่ายที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นพร้อมปรับคพแนะนพเป็น “ลดน้ำหนักลงทุน” ด้วยราคาเป้าหมายใหม่ 17.00 บาทต่อหุ้น

3.บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)CPALL 

  • มูลค่าพอร์ต 7,853 ล้านบาท 
  • ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 9 จำนวน 138,986,600 หุ้น สัดส่วน 1.55%  
  • ผลตอบแทนราคา 1 ปี +7.62%
  • ราคาปิด 29 ม.ค.68 ที่ 56.50 บาท
  • มาร์เก็ตแคป 507,545 ล้านบาท

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ได้ปรับประมาณการกำไรปกติปี 2568-2569 ขึ้น2-3% เป็นที่ 2.6 หมื่นล้านบาท +13%YoY และ 2.8 หมื่นล้านบาท +5%YoY ตามลำดับ สาเหตุหลักจากการปรับประมาณการของ CPAXT ถือ 60% สะท้อนการลดต้นทุนหลังการควบรวมกิจการที่จะเกิดขึ้นเร็วและมากกว่าคาด คงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับราคาเหมาะสมขึ้นเป็น 81.50 บาทต่อหุ้น ปัจจุบันหุ้นซื้อขายบน PER25 ที่ 19 เท่าใกล้เคียง -2SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี หุ้นไม่แพง และมี Downside จำกัด

4.บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) HMPRO

  • มูลค่าพอร์ต 6,092 ล้านบาท 
  • ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 4 จำนวน 665,764,862 หุ้น สัดส่วน 5.06%  
  • ผลตอบแทนราคา 1 ปี -15.28%
  • ราคาปิด 29 ม.ค.68 ที่ 9.15 บาท
  • มาร์เก็ตแคป 120,333 ล้านบาท

บล.เอเชีย พลัส ระบุว่า กําไรงวด 4Q67 ออกมาอย่างคาด จะทําให้กําไรโดยรวมของทั้งปี  2567 น่าจะออกมาใกล้เคียงกับประมาณการกําไรทั้งปี 2567 ของฝ่ายวิจัยที่ 6.4 พันล้านบาท ทรงตัวYoY ทําให้เรายังคงประมาณการกําไรปี 2568 ไว้ตามเดิมที่ 6.8 พันล้านบาท +6% YoY รวมทั้งคงทําให้ราคาเป้าหมายปี 2568 ไว้ที่ 11.60 บาท อิง PER 22.4 เท่า, -2.0 S.D ซึ่งแม้จะมี upside สูงราว 30% จากราคาหุ้นปัจจุบัน แต่เรายังคงคําแนะนําสําหรับหุ้น HMPRO เพียง “Neutral” เนื่องจากคาดว่าการเติบโต YoY ของกําไรงวด 4Q67 จะไม่โดดเด่น ระยะถัดไปกําไรใน 1Q68 มีโอกาสจะไม่โตทั้ง QoQ และ YoY

5.บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) CPN 

  • มูลค่าพอร์ต 4,495 ล้านบาท 
  • ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 5 จำนวน 83,234,500 หุ้น สัดส่วน 1.85%  
  • ผลตอบแทนราคา 1 ปี -17.87%
  • ราคาปิด 29 ม.ค.68 ที่ 54.00 บาท
  • มาร์เก็ตแคป 242,352 ล้านบาท

บล.บัวหลวง คาดกำไรเติบโตค่อนข้างช้าในปี 2568 ประมาณการปี 2568 สำหรับ CPN เราคาดการเติบโตของรายได้ที่ 7% และกำไรหลักที่ 3% ซึ่งช้ากว่าประมาณการของเราสำหรับปี 2567 ที่คาดว่าจะเติบโต 14% ทั้งนี้ยอดขายอสังหาริมทรัพย์ที่จะชะลอตัวและค่าใช้จ่ายที่สูงในการเปิด Dusit Central Park ในครึ่งหลังของปี 2568 เป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลให้แนวโน้มการเติบโตในปีนี้อ่อนแอ คาดว่า EBIT margin ในปี 2568 จะอยู่ที่ 42.8% ลดลงจาก 43.8% ในปี 2567 หมายเหตุ ความคืบหน้าของอัตราการจองพื้นที่ล่วงหน้าของ Central Park Offices ณ สิ้นเดือน ก.ย.2567 อยู่ที่ 20% ยังต่ากว่าจุดคุ้มทุนที่ระดับ 40-50%

ทั้งนี้ คาดว่าในปี 2569 กำไรจะเติบโตแข็งแกร่งที่ 14%YoY ซึ่งหนุนจากการรับรู้รายได้เต็มปีจากพื้นที่ค้าปลีกและสำนักงานที่ Dusit Central Park รวมถึงความแข็งแกร่งเชิงกลยุทธ์สองประการ ประการแรก รายได้ค่าเช่าคาดว่าจะเติบโต 10%YoY ในปี 2567 และจะรักษาอัตราการเติบโตเฉลี่ย 8% ในปี 2568-2569 จากการขยายพื้นที่ให้เช่าสุทธิ การจัดกิจกรรมมากขึ้น และการเพิ่มขึ้นของร้านค้าอุปโภคบริโภคและแบรนด์ร้านอาหารจานด่วนระดับโลกทีหนุนรายได้ค่าเช่าและอัตราการจอง ประการที่สอง กลยุทธ์การพัฒนาพื้นที่ Mixed-use ของ CPN ซึ่งเริ่มต้นในปี 2565 จะช่วยเร่งการเติบโตของรายได้และกำไร โดยเราคาดว่ารายได้จากธุรกิจที่ไม่ใช่ค้าปลีกจะคิดเป็น 21% ของรายได้ในปี 2569 เพิ่มขึ้นจาก 20% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567

6.บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) WHA 

  • มูลค่าพอร์ต 2,130 ล้านบาท 
  • ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 8 จำนวน 436,438,690 หุ้น สัดส่วน 2.92%  
  • ผลตอบแทนราคา 1 ปี +3.83%
  • ราคาปิด 29 ม.ค.68 ที่ 4.88 บาท
  • มาร์เก็ตแคป 72,941 ล้านบาท

บล.กรุงศรี ระบุว่า WHA ประกาศแผนธุรกิจ บริษัทความมั่นใจว่ากำไรธุรกิจหลักจะทำสถิติสูงสุดในปี 2567-2568 ปัจจัยสนับสนุนที่สาคัญปี 2568 ได้แก่ ยอดโอนที่ราคาขายและอัตรากาไรที่สูงขึ้น,รายได้ค่าธรรมเนียมจากผู้ใช้น้ารายใหญ่, S-Curve ใหม่ (Mobilix) และรายได้จากการขายสินทรัพย์ 1.5 พันล้านบาท บริษัทตั้งเป้ายอดขายที่ดินแบบอนุรักษ์นิยมที่ 2,350 ไร่ ขายได้แล้ว 38% แต่เชื่อว่ายังมีอัพไซด์ราคาหุ้นปรับลดลงไม่สอดคล้องกับกำไรที่จะสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ

 7.บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) CENTEL 

  • มูลค่าพอร์ต 1,177 ล้านบาท 
  • ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 2 จำนวน 41,314,611 หุ้น สัดส่วน 3.06%  
  • ผลตอบแทนราคา 1 ปี -34.48%
  • ราคาปิด 29 ม.ค.68 ที่ 28.50 บาท
  • มาร์เก็ตแคป 38,475 ล้านบาท

บล.พาย คาดกำไรปกติในไตรมาส 4/67 ที่ 239 ล้านบาท -44% YoY, +46% QoQ) แม้อาจเติบโต QoQ จากปัจจัยฤดูกาล แต่คาดอ่อนตัว YoY ด้วยผลขาดทุนโรงแรมเปิดใหม่มัลดีฟส์ที่สูงกว่าที่เดิมคาด อยู่ที่ 4-5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เดิมคาดไว้ที่ 2.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งนี้มองว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาในช่วงก่อนหน้าได้สะท้อนปัจจัยลบดังกล่าวแล้ว 

อย่างไรก็ตาม ยังคงมองว่า CENTEL น่าสนใจจากแนวโน้มที่ดีของธุรกิจหลักในปี 2568 หนุนการเติบโต RevPar ที่คาดสูงขึ้นจากโรงแรมที่ได้รับการปรับปรุง รวมถึงโรงแรมใหม่ที่จะทยอยผ่านจุดคุ้มทุน และการเน้นขยายสาขาร้านอาหารที่มีอัตรากำไรสูงผลักดัน ROE เติบโต คงคำแนะนำ "ซื้อ" มูลค่าพื้นฐานที่ 38 บาท 

8.บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) TFMAMA   

  • มูลค่าพอร์ต 667 ล้านบาท 
  • ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 13 จำนวน 3,334,336 หุ้น สัดส่วน 1.01%  
  • ผลตอบแทนราคา 1 ปี -11.89%
  • ราคาปิด 29 ม.ค.68 ที่ 200.00 บาท
  • มาร์เก็ตแคป 65,941 ล้านบาท

TFMAMA ประกอบธุรกิจหลักของบริษัทฯคือ ผลิตและจำหน่ายบะหมี่และอาหารกึ่งสำเร็จรูป ขนมปังกรอบ

9.บริษัท บีเคไอ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) BKIH

  • มูลค่าพอร์ต 634 ล้านบาท 
  • ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 9 จำนวน 2,224,362 หุ้น สัดส่วน 2.14%  
  • ผลตอบแทนราคา 1 ปี -%
  • ราคาปิด 29 ม.ค.68 ที่ 285.00 บาท
  • มาร์เก็ตแคป 29,653 ล้านบาท

บริษัท บีเคไอ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BKIH เดิมคือ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งจะมีความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจและสามารถขยายการลงทุนได้มากยิ่งขึ้น ทำให้ผู้ถือหุ้นที่ตอบรับคำเสนอซื้อ อาจจะมีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่ดีขึ้น จากการขยายธุรกิจหรือการลงทุนในธุรกิจอื่น ๆ ตามแผนการดำเนินงานในอนาคต 

10.บริษัท อีโนเว รับเบอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) IRC

  • มูลค่าพอร์ต 40 ล้านบาท 
  • ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 10 จำนวน 2,838,000 หุ้น สัดส่วน 1.48%  
  • ผลตอบแทนราคา 1 ปี +1.43%
  • ราคาปิด 29 ม.ค.68 ที่ 14.20 บาท
  • มาร์เก็ตแคป 2,729 ล้านบาท

IRC ประกอบธุรกิจด้านการผลิตผลิตภัณฑ์ยางอีลาสโตเมอร์ เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมอื่นๆ และธุรกิจด้านการผลิตยางนอก-ยางในของรถจักรยานยนต์ที่มีคุณภาพสูงมาตรฐานโลก 

อัพเดตพอร์ตหุ้น \'นิติ โอสถานุเคราะห์\' ทายาทโอสถสภา มั่งคั่งเฉียด 5 หมื่นล้าน