บัฟเฟตต์-ไมเคิล เบอร์รี่-ดาลิโอ' ปรับพอร์ตครั้งใหญ่ท่ามกลางความผันผวนของอุตฯ ยานยนต์และเทคฯ

บัฟเฟตต์ถอนการลงทุนในยานยนต์ทั้งหมด ปิดตำนาน GM-BYD ด้านไมเคิล เบอร์รี่ลดสัดส่วนหุ้นเทคจีนกว่า 40% ขณะที่กองทุน Bridgewater Associates ของเรย์ ดาลิโอเข้าลงทุน Tesla มูลค่า 62 ล้านดอลลาร์ สวนทางลดถือครองหุ้นเทคโนโลยีรายใหญ่
ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาทั้งโลกเผชิญกับความปั่นป่วนมากมายทั้งในเชิงสงครามการค้าและสงครามเชิงภูมิรัฐศาสตร์ การปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนระดับตำนานในปี 2024 ก็สะท้อนให้เห็นถึง "ความกังวล" ดังกล่าว โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์และเทคโนโลยี ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและมีความไม่แน่นอนสูงจากความปั่นป่วนที่กล่าวไป
วอร์เรน บัฟเฟตต์ ผู้ได้รับการขนานนามว่าเป็น "เทพแห่งโอมาฮา" ยังคงความระมัดระวังในการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างต่อเนื่อง โดยในรายงานการถือครองหุ้นล่าสุด ณ สิ้นเดือน ธ.ค. 2024 ไม่ปรากฏการถือครองหุ้นในกลุ่มยานยนต์เลย การตัดสินใจนี้แสดงถึงมุมมองของเขาที่มีต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ว่าเป็นธุรกิจที่ยากจะคาดเดาผู้ชนะในระยะยาว โดยเฉพาะในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจากเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าและการแข่งขันที่รุนแรงจากผู้ผลิตจีน
บัฟเฟตต์ได้ยกตัวอย่างกรณีของเฮนรี่ ฟอร์ด ที่แม้จะเคยประสบความสำเร็จอย่างสูงและ "ครองโลก" ในยุคหนึ่ง แต่เพียง 20 ปีต่อมาก็ประสบภาวะขาดทุน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความผันผวนของอุตสาหกรรมนี้ การตัดสินใจลดการลงทุนใน BYD ที่เริ่มตั้งแต่สิงหาคม 2022 จนเหลือเพียง 54.2 ล้านหุ้นในก.ค. 2024 นั้น เป็นที่น่าสนใจเพราะการลงทุนใน BYD เป็นหนึ่งในการลงทุนที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดย Berkshire เริ่มลงทุนในบริษัทนี้ตั้งแต่ก.ย. 2008 ด้วยการซื้อหุ้น 225 ล้านหุ้นที่ราคา 8 ดอลลาร์ฮ่องกงต่อหุ้น ซึ่งปัจจุบันหุ้น BYD มีราคาปิดที่ 364.20 ดอลลาร์ฮ่องกง
นอกจากนี้ บัฟเฟตต์ยังได้ตัดสินใจขายหุ้น General Motors ออกไปทั้งหมดในไตรมาสที่ 3 ของปี 2024 หลังจากที่เริ่มทยอยลดสัดส่วนตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปี 2022 ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ที่ GM กำลังประสบปัญหาในตลาดจีน โดยบริษัทรายงานผลขาดทุนสุทธิ 2.96 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสล่าสุด พร้อมกับการขาดทุนจากการลงทุนในจีนถึง 4.06 พันล้านดอลลาร์
ในด้านของไมเคิล เบอร์รี่ ผู้จัดการกองทุนที่มีชื่อเสียงจากการทำนายวิกฤตซับไพรม์ในปี 2008 ก็ปรับลดการลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีจีนในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2024 ท่ามกลางความผันผวนของตลาดหุ้นจีนและความกังวลเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ยังไม่ชัดเจน การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นก่อนที่ DeepSeek จะสร้างความตื่นเต้นในตลาดด้วยความก้าวหน้าด้าน AI ซึ่งนำไปสู่การฟื้นตัวของตลาดหุ้นจีนมูลค่ากว่า 1.3 ล้านล้านดอลลาร์
เบอร์รี่ได้ลดการถือครองหุ้น JD.com ลง 40% เหลือ 300,000 หุ้น และลดการถือครองหุ้น Alibaba ลง 25% ในช่วงที่หุ้นทั้งสองตัวปรับตัวลดลง 13% และ 20% ตามลำดับในไตรมาสที่ 4 อย่างไรก็ตาม ทั้งสองบริษัทรวมถึง Baidu ยังคงเป็นหนึ่งในการลงทุนหลักของบริษัท Scion Asset Management โดยมีมูลค่าการลงทุนรวม 40.9 ล้านดอลลาร์ คิดเป็น 53%ของพอร์ตการลงทุนในหุ้น ลดลงจาก 65% ในไตรมาสก่อนหน้า นอกจากนี้ เขายังได้เริ่มลงทุนในหุ้น PDD Holdings คู่แข่งของ Alibaba ในตลาดอีคอมเมิร์ซจีน โดยถือครอง 75,000 หุ้น
ส่วนกองทุน Bridgewater Associates ของเรย์ ดาลิโอ มีท่าทีและมุมมองที่แตกต่างต่อตลาดเทคโนโลยีในไตรมาสที่ 4 ของปี 2024 โดยเพิ่มการลงทุนในหุ้น Tesla เป็นครั้งแรกด้วยการถือครอง 153,589 หุ้น มูลค่า 62 ล้านดอลลาร์ ท่ามกลางความคาดหวังว่า Tesla จะได้รับประโยชน์จากความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างอีลอน มัสก์ กับประธานาธิบดีทรัมป์ โดยมัสก์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าแผนกประสิทธิภาพของรัฐบาล ซึ่งมีหน้าที่ลดความสิ้นเปลืองในหน่วยงานของรัฐบาลกลาง
ในขณะเดียวกัน Bridgewater ได้ลดการลงทุนในหุ้นกลุ่ม Magnificent Seven ตัวอื่นๆ ลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยลดการถือครองหุ้น Apple ลง 40% เหลือ 617,203 หุ้น และลดการถือครองหุ้น Amazon ลงเกือบ 35% รวมถึงลดการถือครองหุ้น Nvidia, Microsoft, Meta และ Alphabet ลงในช่วง 17.3% ถึง 26.4% การตัดสินใจนี้สอดคล้องกับความกังวลที่ Karen Karniol-Tambour ผู้บริหารร่วมด้านการลงทุนของ Bridgewater ได้แสดงไว้เกี่ยวกับการกระจุกตัวของการลงทุนในหุ้นกลุ่ม AI ว่าอาจสร้างความท้าทายในการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน
ท้ายที่สุด ความเคลื่อนไหวของนักลงทุนระดับตำนานเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายในการลงทุนในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีและการแข่งขันระดับโลก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์และเทคโนโลยี ซึ่งแม้จะมีโอกาสการเติบโตสูง แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน
อ้างอิง: Reuters, Bloomberg, Nikkei Asia