ดาวโจนส์ดิ่ง 700 จุด ร่วงลงมากสุดในปีนี้ นักลงทุนกังวลเศรษฐกิจชะลอ

หุ้นสหรัฐถูกเทขายในวันศุกร์ เนื่องจากข้อมูลใหม่ของสหรัฐชี้เศรษฐกิจชะลอตัวและอัตราเงินเฟ้อสูงยืดเยื้อ ส่งผลให้นักลงทุนมองหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
ซีเอ็นบีซี รายงานภาวะ ตลาดหุ้นวอลล์สตรีท วันศุกร์ (21ก.พ.) ว่า ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 43,428.02 จุด ร่วงลงแรง 748.63 จุด หรือ 1.69% การลดลงในวันศุกร์ ซึ่งเป็นการลดลงที่เลวร้ายที่สุดในรอบปี ทำให้ดัชนีร่วงลงสองวันราว 1,200 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 6,013.13 จุด ร่วงลง 1.71% ซึ่งถือเป็นการลดลงวันที่สองติดต่อกัน หลังจากดัชนีปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันพุธ ดัชนี Nasdaq Composite ปิดที่ 19,524.01 จุด ดิ่งลง 2.2%
การร่วงลงเร่งขึ้นในช่วงปิดตลาด เนื่องจากนักลงทุนกลัวว่าอาจจะข่าวพาดหัวข่าวอีกครั้งจากรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ หลังจากที่เขาเสนอมาตรการภาษีศุลกากรและการเปลี่ยนแปลงนโยบายอื่นๆ ที่ส่งผลต่อตลาด นับตั้งแต่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนที่แล้ว
ในวันศุกร์มีข้อมูลใหม่จำนวนมากที่ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจและส่งผลให้ผู้ลงทุนหันไปลงทุนในพันธบัตร ซึ่งทำให้ผลตอบแทนลดลง
โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของมหาวิทยาลัยมิชิแกนลดลงเหลือ 64.7 ในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งลดลงเกือบ 10% และลดลงมากกว่าที่คาดไว้ เนื่องจากผู้บริโภควิตกเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นจากภาษีศุลกากรใหม่ที่อาจเกิดขึ้น จากการสำรวจแนวโน้มเงินเฟ้อ 5 ปีอยู่ที่ 3.5% ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1995
นอกจากนั้น ยอดขายบ้านมือสองในสหรัฐ ลดลงมากกว่าที่คาดไว้ในเดือนที่แล้วเหลือ 4.08 ล้านยูนิต และตามข้อมูลของ S&P Global ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการของสหรัฐ ก็ลดลงสู่ระดับหดตัวในเดือนกุมภาพันธ์เช่นกัน
ราคาหุ้นของค้าปลีกยักษ์ Walmart หรือ ราคาหุ้นWalmart ร่วงลง 2.5% ถือเป็นวันที่สองของการลดลง หลังจากบริษัทออกรายงานการคาดการณ์ผลประกอบการที่อ่อนแอกว่าที่คาดไว้ ซึ่งกระทบความมั่นใจของผู้บริโภคและสะท้อนแนวโน้มเศรษฐกิจที่แย่ลงด้วย
นักลงทุนชื่อดัง สตีฟ โคเฮนได้แสดงความคิดเห็นเชิงลบเกี่ยวกับตลาดและเศรษฐกิจในการประชุมสัมมนาที่ไมอามี
“เป็นช่วงเวลาที่ผมคิดว่าการได้กำไรสูงสุดผ่านไปแล้ว และผมคงไม่แปลกใจเลยถ้าจะเห็นการปรับฐานครั้งใหญ่” โคเฮนกล่าว โดยอ้างถึงการเสนอขึ้นภาษีศุลกากร และความพยายามในการตัดรายจ่ายบางส่วนของรัฐบาลกำลังฉุดรั้งเศรษฐกิจ
ราคาหุ้นที่นักลงทุนชื่นชอบ เช่น Nvidia และ Palantir ร่วงลงอย่างหนักในวันศุกร์ เนื่องจากผู้ซื้อขายหันไปหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัยกว่า โดยหุ้นของ Procter & Gamble
พุ่งขึ้น 1.8% ในขณะที่ General Mills และ Kraft Heinz พุ่งขึ้นมากกว่า 3%
ในรอบสัปดาห์ ดัชนี S&P 500 ร่วงลงประมาณ 1.7% ในขณะที่ Dow และ Nasdaq ร่วงลง 2.5%
“หุ้นขึ้นสูง 20 อันดับแรกในดัชนี S&P 500 ในวันนี้ล้วนมาจากกลุ่มหุ้นปลอดภัย ความเสี่ยงต่ำ (defensive sectors) ได้แก่ หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค สาธารณูปโภค และการดูแลสุขภาพ” แลร์รี เทนทาเรลลี หัวหน้านักกลยุทธ์ทางเทคนิคและผู้ก่อตั้งบริษัทวิจัยตลาดการเงิน Blue Chip Daily Trend Report กล่าว “นักลงทุนมักจะหมุนเวียนเข้าสู่กลุ่มที่เรียกว่าหุ้นปลอดภัย เมื่อมีความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ”