หุ้นวอลล์สตรีทร่วงหนัก หลังทรัมป์ยืนยันขึ้นภาษี Nvidia ดิ่ง 8%

ซีเอ็นบีซีรายงานภาวะตลาดหุ้นวอลล์สตรีทวันพฤหัสบดี (27 ก.พ.) ว่า ดัชนี S&P 500 ปิดตลาดร่วงลง 1.59% ที่ 5,861.57 จุด ดัชนีตลาดรวมยังคงติดลบในรอบสัปดาห์และเดือนนี้ ดัชนี Nasdaq Composite

ร่วงลงแรง 2.78% ปิดที่ 18,544.42 จุด โดยราคาหุ้น Nvidia ร่วงลง 8.5% ส่งผลให้ดัชนีที่เน้นหุ้นเทคโนโลยีร่วงลง ด้านดัชนีดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average

ปิดตลาดลดลง 193.62 จุด หรือ 0.45% ปิดที่ 43,239.50 จุด

ทั้งดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ที่เน้นเทคโนโลยีล้วนอยู่ในแนวโน้มที่จะเข้าสู่สัปดาห์ที่ร่วงลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2024

ดัชนี S&P 500 ร่วงลงในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน หลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศว่าจะจัดเก็บภาษีกับแคนาดาและเม็กซิโกตามแผน รวมถึงการพลิกกลับมาติดลบของหุ้นนำเทรนด์อย่าง Nvidia แม้ผลประกอบการออกมาดีกว่าคาด

ทรัมป์ประกาศในโพสต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย Truth Social ของเขาว่า การขึ้นภาษี 25% สำหรับเม็กซิโกและแคนาดาจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 มีนาคม หลังจากสิ้นสุดการระงับชั่วคราวหนึ่งเดือน ทรัมป์อ้างว่าทั้งสองประเทศยังไม่สามารถจำกัดการลักลอบส่งยาเสพติดข้ามพรมแดนได้อย่างเพียงพอ ประธานาธิบดียังกล่าวอีกว่า จีน ซึ่งเผชิญกับภาษี 10% จากสหรัฐฯ อยู่แล้ว จะต้องเผชิญกับภาษีเพิ่มเติมอีก 10%

“เราอยู่ในตลาดที่หยุดชะงัก มีขอบเขตจำกัด และไร้เหตุผลเล็กน้อย ในขณะที่เรารอความชัดเจนในนโยบาย” เจย์ แฮตฟิลด์ ซีอีโอของ Infrastructure Capital Advisors กล่าว

ราคาหุ้นของ Nvidia ร่วงลง แม้ว่าผลประกอบการของยักษ์ใหญ่ด้านชิปจะเกินประมาณการในไตรมาสที่สี่ทั้งในด้านรายได้และกำไรก็ตาม หุ้น AI ยังประเมินแนวโน้มรายได้ที่แข็งแกร่ง ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการอย่างต่อเนื่อง และขับเคลื่อนโดยการแข่งขันด้านปัญญาประดิษฐ์ อย่างไรก็ตาม บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นลดลงในไตรมาสนี้ และรายรับที่สูงกว่าคาดน้อยที่สุดในรอบ 2 ปี ทำให้เกิดคำถามว่าผู้นำตลาดกระทิงจะรักษาโมเมนตัมนี้ไว้ได้หรือไม่

ด้านเจมส์ เดมเมิร์ต หัวหน้าฝ่ายการลงทุนของ Main Street Research กล่าวว่า "รายได้ของ Nvidia โดดเด่นมาก แต่เกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวนอย่างมาก"

นอกจากการประกาศภาษีศุลกากรของทรัมป์แล้ว จำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานที่เพิ่มขึ้นยังทำให้ความเชื่อมั่นลดลง ซึ่งเพิ่มความกังวลล่าสุดเกี่ยวกับเศรษฐกิจที่อ่อนตัวลง จำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 22 กุมภาพันธ์อยู่ที่ 242,000 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้น 22,000 รายจากระดับที่ปรับปรุงแล้วของสัปดาห์ก่อนหน้า ตามรายงานของกระทรวงแรงงานในวันพฤหัสบดี  ทั้งนี้ จำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานสูงกว่าที่ Dow Jones คาดการณ์ไว้ที่ 225,000 ราย 

รายงานดังกล่าวมีขึ้นหลังจากมีรายงานเศรษฐกิจอื่นๆ อีกหลายฉบับในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงรายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ออกมาต่ำกว่าที่คาด ตัวเลขยอดขายปลีกที่น่าผิดหวัง และรายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อ่อนแอได้ส่งผลให้หุ้นร่วงลงและเกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ

ขณะนี้ นักลงทุนกำลังจับตาดูดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันศุกร์ ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ให้ความสำคัญ

ดัชนีหลักทั้งสามต่างก็มีแนวโน้มที่จะปิดตลาดลดลงในรอบเดือนกุมภาพันธ์ ในเดือนนี้ดัชนีตลาดรวมลดลงแล้วเกือบ 3% ในขณะที่ดัชนีดาวโจนส์และแนสแด็กลดลง 2.9% และ 5.5% ตามลำดับ