‘หุ้นจีน’ เปิดตลาดพุ่ง 2.6% รับความหวังนโนบายกระตุ้น ‘เศรษฐกิจ’

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานความเคลื่อนไหวตลาดหุ้น “จีน” วันนี้ (5 มี.ค.68) เปิดตลาดพุ่ง หลังจากที่การประชุมสองสภาได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อวานนี้ (4มี.ค.) และได้ตั้งเป้าการเติบโตของ GDP ปี 2568 ไว้ที่ ”ประมาณ 5%” พร้อมวางมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจท่ามกลางความตึงเครียดของ “สงครามการค้า” ที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้นกับสหรัฐ 

ดัชนีหุ้นจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงเพิ่มขึ้นถึง 2.6% โดยดัชนีเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นมากกว่า 3% หลังจากทางการให้คำมั่นสนับสนุนอุตสาหกรรมนี้ ส่วนดัชนี CSI 300 ปรับตัวขึ้น 0.2% 

ในการปราศรัยเปิดการประชุมสองสภา หลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีนประกาศแผนการพัฒนาอุตสาหกรรมเชิงยุทธศาสตร์และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ในวงกว้าง โดยระบุว่าจะสร้างกลไกเพื่อระดมทุนสำหรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต และสนับสนุนการพัฒนาในภาคส่วนสำคัญ อาทิ การผลิตทางชีวภาพ เทคโนโลยีควอนตัม ปัญญาประดิษฐ์ และเทคโนโลยี 6G ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของจีนในการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีชั้นสูง

จากนั้นหุ้นจีนในกลุ่มบริษัทชิปคอมพิวเตอร์ควอนตัมและหุ่นยนต์ของจีนก็พุ่งขึ้น โดยบริษัทผลิตชิป Hua Hong Semiconductor Ltd. เพิ่มขึ้นถึง 7.1% และบริษัทพัฒนาหุ่นยนต์ Jiangsu Hengli Hydraulic Co. เพิ่มขึ้น 8.6%

ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นสะท้อนความหวังของนักลงทุนต่อเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ระดับ 5% ที่รัฐบาลจีนตั้งไว้เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน พร้อมกับการเพิ่มเป้าการ ‘ขาดดุล’ สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ รวมทั้งการปรับลดเป้าเงินเฟ้อและเปิดแผนออกพันธบัตรเพิ่ม 

นอกจากนี้ รายงานดังกล่าวย้ำถึงแผนของรัฐบาลจีนที่จะดำเนินนโยบายการคลังที่มีความกระตือรือร้นมากยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการใช้นโยบายการเงินที่มีความยืดหยุ่นและเหมาะสม ซึ่งเป็นการยอมรับโดยนัยถึงการชะลอตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ ท่ามกลาง “สงครามการค้า” ระหว่างสหรัฐที่กำลังดุเดือด

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หุ้นจีนตกอยู่ภายใต้แรงกดดันหลังจาก “โดนัลด์ ทรัมป์” กำหนดภาษีนำเข้าสินค้าจีนใหม่ ซึ่งเพิ่มอัตราภาษีเป็น 20% มีผล 4 มี.ค. 

กองทุนเอเชียมองบวก ‘หุ้นจีน’

กองทุนหุ้นเอเชียมูลค่า 3.3 พันล้านดอลลาร์มีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นจีนมากขึ้น โดยมองเห็นโอกาสการเติบโตในบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่และบริษัทรัฐวิสาหกิจบางแห่ง

โจนาธาน ไพน์ส ผู้จัดการกองทุน Federated Hermes Asia Ex-Japan Equity Fund เผยว่าในช่วงสิ้นเดือนม.ค.ที่ผ่านมาหุ้นจีนและฮ่องกงมีน้ำหนักในกองทุนอยู่ที่ 48% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานประมาณ 15% ถือเป็นจุดยืนที่เป็นบวกมากที่สุดของกองทุนต่อตลาดหุ้นจีนในรอบ 12 ปีที่ผ่านมา 

แม้ว่าภาษีศุลกากรและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์จะเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ต้องระมัดระวัง แต่ ไพน์สกล่าวว่า "เมื่อพิจารณาความน่าจะเป็นแล้ว เรามองว่านี่เป็นความเสี่ยงที่คุ้มค่า พร้อมระบุว่ากองทุนค่อยๆ เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในจีนตั้งแต่ต้นปี 2564

ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน หุ้นจีนมีผลการดำเนินงานที่ดีกว่าหุ้นทั่วโลก โดยได้รับแรงหนุนจากกระแสการเติบโตทางเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนโดย DeepSeek และความหวังในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลจีนท่ามกลางสงครามการค้า

อ้างอิง Bloomberg