หุ้นสหรัฐ ปรับฐานลงแรง คาดอีก 1-2 เดือนข้างหน้า ลงอีก 3-5%

บล.อินโนเวสเอกซ์ เผย ตลาดหุ้นสหรัฐ ปรับตัวลงแรงกังวลเศรษฐกิจถดถอย โดย Goldman Sachs ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐ ปี 2568 เหลือ 1.7% จาก 2.4% จากประเด็นสงครามการค้า คาดหุ้นสหรัฐ อาจปรับตัวลงอีก 3-5% ใน 1-2 เดือนข้างหน้า แต่อาจฟื้นตัวเป็นระยะได้
รัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ ผู้อำนวยการอาวุโส Investment Strategist ฝ่าย Wealth Product & Strategy บล.อินโนเวสเอกซ์ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นสหรัฐ เมื่อคืน (10 มี.ค. 68) ปรับตัวลงแรงโดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีสะท้อนความเสี่ยงเรื่องเศรษฐกิจสหรัฐ อาจโตได้น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาด หรืออาจถึงขั้นถดถอย (Recession) ในไตรมาส 1/25 นี้ โดยล่าสุด Goldman Sachs ได้หั่นคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐ ในปี 2025 นี้ลงเหลือ 1.7% จาก 2.4% จากประเด็นสงครามการค้าที่เป็นผลมาจากการขึ้นภาษี
โดย ประเด็นที่น่าสนใจคือ ประธานาธิบดี Trump ให้สัมภาษณ์ Fox News เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยมีนักข่าวถามในเรื่องความน่าจะเป็นของการเกิด Recession โดย Trump ตอบว่าเศรษฐกิจสหรัฐ กำลังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่าน ซึ่งแตกต่างจากในยุค Trump 1.0 ที่ Trump มักจะให้สัมภาษณ์ในเชิงสนับสนุนตลาดหุ้น สะท้อนความตั้งใจของ Trump ในการปรับเปลี่ยนหลายเรื่องในเชิงโครงสร้าง และอาจไม่ได้จบในระยะเวลาอันใกล้
ทั้งนี้ เราประเมินว่าตลาดหุ้นสหรัฐ ยังมี downside ในระยะ 1-2 เดือนข้างหน้า (แม้อาจมีการฟื้นตัวช่วงสั้นได้) จากความไม่แน่นอนสูงในเรื่องการดำเนินนโยบายภาษี ประกอบกับการปลดข้าราชการครั้งใหญ่ในสหรัฐ จะส่งผลให้กำลังซื้อในประเทศเกิดการชะลอตัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยในเชิง valuation ดัชนี Nasdaq 100 และ S&P500 ซื้อขายด้วย PE 23.8 เท่า และ 20.4 เท่า ตามลำดับ ลงมาค่อนข้างใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 25.1 เท่า และ 20 เท่า ตามลำดับ (Nasdaq 100 ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยแล้ว) ทำให้ downside ในระยะยาวเริ่มจำกัด
แต่ในระยะสั้นอาจมีแรงเหวี่ยงจาก sentiment เชิงลบ และประเด็นสงครามการค้ากด valuation ลงไปต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอีกได้ โดยเราประเมิน downside ตลาดหุ้นสหรัฐ อีกราว 3-5% (เทียบจาก low เมื่อ ก.ย.67) หากไม่ได้มีประเด็นใหม่ที่เข้ามากดดันตลาดรุนแรงอีก
ทั้งนี้ เรายังคงคำแนะนำลงทุนในหุ้นกลุ่ม Defensive อย่าง Healthcare ในกองทุน LHHEALTH-A กองทุนหุ้นกลุ่มการแพทย์ทั่วโลก เนื่องจากคาดว่าจะ outperform หุ้นกลุ่มอื่นในช่วงนี้ที่ตลาดผันผวนรุนแรงได้ รวมถึงคงคำแนะนำลงทุนในหุ้นจีนในกองทุน K-CHINA-A(A) กองทุนหุ้นจีน All Shares และหุ้นเวียดนามในกองทุน PRINCIPAL VNEQ-A กองทุนหุ้นเวียดนามคุณภาพสูง ที่เชื่อว่ามีโมเมนตัมในการลงทุนที่ดีกว่า
อย่างไรก็ดี หากนักลงทุนได้มากกว่า 6 เดือนขึ้นไป เรามองว่าจังหวะที่ตลาดหุ้นสหรัฐ ปรับฐานแรงในรอบนี้เป็นจังหวะในการทยอยสะสมหุ้นขนาดใหญ่ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี โดยเฉพาะในกลุ่มการเงินผ่านกองทุน TUSFIN-A กองทุนหุ้นกลุ่มการเงินสหรัฐ จากเศรษฐกิจ ปัจจัยพื้นฐาน และเทคโนโลยีของสหรัฐ ที่ยังแข็งแกร่ง และเติบโตได้ในระยะยาว
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์