ตลาดหุ้นไทยวันนี้ (13 มี.ค.) ปิดตลาดลบ 0.42 จุด รอประชุมเฟดสัปดาห์หน้า

"ตลาดหุ้นไทย" วันนี้ (13 มี.ค.) ปิดตลาดเย็นอยู่ที่ 1,159.64 จุด ลดลง 0.42 จุด หรือ 0.04% โบรกชี้ ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในกรอบแคบก่อนที่จะมาปิดตลาดในแดนลบ เหตุนักลงทุนรอดูผลประชุมเฟด คาดพรุ่งนี้ทรงตัวไม่มีปัจจัยกระตุ้น
"ตลาดหุ้นไทย" วันนี้ (13 มี.ค.) ปิดตลาดเย็นอยู่ที่ 1,159.64 จุด ลดลง 0.42 จุด หรือ 0.04% โดยดัชนีฯ ผันผวนในทิศทางปรับตัวขึ้นตลอดทั้งวัน ก่อนที่จะมาปิดตลาดในแดนลบ ซึ่งทำจุดสูงสุดอยู่ที่ 1,168.73 จุด จุดต่ำสุดอยู่ที่ 1,157.96 จุด และมีมูลค่าซื้อขาย 32,440.73 ล้านบาท
หุ้นไทยวันนี้ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 ลำดับแรก ได้แก่
- CPALL ราคาปิด 49.25 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ 2.96% มูลค่าซื้อขาย 1,836.44 ล้านบาท
- DELTA ราคาปิด 70.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 1.45% มูลค่าซื้อขาย 1,410.99 ล้านบาท
- KBANK ราคาปิด 149.50 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ 0.99% มูลค่าซื้อขาย 1,409.58 ล้านบาท
- BBL ราคาปิด 146.50 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง หรือ 0.00% มูลค่าซื้อขาย 1,346.83 ล้านบาท
- GULF ราคาปิด 47.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท หรือ 1.61% มูลค่าซื้อขาย 1,089.83 ล้านบาท
หุ้นไทยปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในกรอบแคบ นักลงทุนรอดูผลประชุมเฟด
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในกรอบการซื้อขายที่แคบก่อนที่จะมาปิดตลาดในแดนลบ หลังจากเมื่อวานปรับตัวลงค่อนข้างแรง โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคส่วนใหญ่ทรงตัว มีการขายสลับออกมาบ้าง เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับแคนาดา และสหรัฐกับยุโรป
"นักลงทุนรอดูความชัดเจนในประเด็นนี้ รวมถึงการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า ทำให้ทุกสินทรัพย์ชะลอตัวรอดูผลประชุมในวันพุธหน้า แม้คาดว่าเฟดจะยังไม่ลดอัตราดอกเบี้ยในทันที แต่ตลาดให้ความสำคัญกับการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยที่สะท้อนผ่าน Dot Plot และตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจ" นายณัฐพลกล่าว
สำหรับข่าวเรื่องกองทุน LTF และกองทุนไทยอีเอสจี (Thai ESG) นั้น ช่วยคลายความกังวลในหุ้นที่ปรับตัวลงเมื่อวาน เช่น กลุ่มหุ้นบางตัวที่เมื่อวานปรับตัวลงเเรง เช่น INTUCH, DELTA และ TRUE ให้ฟื้นตัวขึ้นมา แต่อัพไซด์ยังคงจำกัด
แนวโน้มวันพรุ่งนี้และสัปดาห์หน้า
สำหรับแนวโน้มตลาดในวันพรุ่งนี้ (14 มี.ค.) นายณัฐพลคาดว่า จะยังคงทรงตัวเนื่องจากไม่มีปัจจัยสำคัญใหม่ โดยให้กรอบดัชนีด้านล่างที่ 1,155 - 1,158 จุด และแนวต้านที่ 1,170 - 1,175 จุด
ส่วนในสัปดาห์หน้า มีปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตาคือ:
- การเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจของจีนในวันจันทร์ ซึ่งหากออกมาดีจะเป็น sentiment เชิงบวกให้กับตลาดเอเชีย แต่หากไม่ดีหรือทรงตัว ตลาดอาจต้องรอผลประชุมเฟด
- การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันพุธ
คำแนะนำการลงทุน
สำหรับการลงทุนในระยะสั้น หากต้องการเก็งกำไรจากตัวเลขเศรษฐกิจจีน นายณัฐพลแนะนำให้มองไปที่กลุ่มปิโตรเคมี เช่น PTTGC และ SCC ซึ่งอาจมีแรงเก็งกำไรเข้ามาในสัปดาห์หน้า หากตัวเลขเศรษฐกิจจีนออกมาดี