‘ทรีนีตี้’ ปี 67 พลิกโชว์กำไร เดินหน้าปรับโครงสร้างทุนเสริมแกร่ง

"ทรีนีตี้"ประกาศผลประกอบการปี 67 พลิกกำไร รายได้รวมโต 112.16% ธุรกิจซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า โตโดดเด่น พร้อมเดินหน้าปรับโครงสร้างทุน เสริมความแข็งแกร่ง
ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทรีนีตี้ วัฒนา (TNITY)เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยปี 2567 สามารถพลิกกลับมามีกำไรสุทธิจำนวน 0.51 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 100.15 จากปี 2566 ที่ขาดทุนสุทธิ 353.40 ล้านบาท เป็นผลมาจากรายได้รวมปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยบริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 645.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 112.16 จากปีก่อนที่ทำได้ 304.05 ล้านบาท
“การที่บริษัทเป็นโฮลดิ้งคัมพานี มีการกระจายแหล่งที่มาของรายได้ทำให้โครงสร้างรายได้ของบริษัทไม่ได้พึ่งพารายได้จากนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เพียงอย่างเดียว ซึ่งในปีที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าตลาดหุ้นผันผวนสูง มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันลดลงร้อยละ 12.71 มาอยู่ที่ 46,551 ล้านบาท ลดลงจากปี 2566 ที่ 53,331 ล้านบาท ส่งผลให้รายได้จากนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ลดลงร้อยละ 5.32 โดยทำได้ 120.29 ล้านบาท จากปีก่อนทำได้ 127.05 ล้านบาท”
ขณะที่รายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการปรับตัวเพิ่มขึ้น ในปีที่ผ่านมาบริษัทได้เป็นที่ปรึกษาในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และค่าธรรมเนียมในการปรับโครงสร้างของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) รวมถึงเป็นที่ปรึกษาในการขายตราสารหนี้ ทำให้มีรายได้จากส่วนนี้เพิ่มขึ้นจาก55.70 ล้านบาท เป็น 89.40 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 60.50
นอกจากนี้ยังมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญของรายได้จากตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) เพิ่มขึ้นร้อยละ 146.61 โดยทำได้ 35.61 ล้านบาท จาก 14.44 ล้านบาท ในปี 2566 จากการเพิ่มบุคลากรที่ให้บริการลูกค้าด้านแนะนำการลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ซึ่งสวนทางกับปริมาณการซื้อขายของ TFEX ที่ในปี 2567 อยู่ที่ 118.04 ล้านสัญญา ลดลงร้อยละ 20 จากปีก่อนอยู่ที่ 129.49 ล้านสัญญา ในส่วนของกําไร และผลตอบแทนจากเครื่องมือทางการเงินปี 2567 มีกำไรรวม 2.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ขาดทุน 237.08 ล้านบาท โดยเป็นกำไรจากการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า 48.35 ล้านบาท และเงินปันผล 16.39 ล้านบาท ส่วนการซื้อขายหลักทรัพย์ยังขาดทุน 62.27 ล้านบาท ส่วนหนึ่งมาจากการบันทึกมูลค่าตามตลาดหุ้นที่ลดลง แต่ถือว่าดีขึ้นจากปีก่อน
ดร.วิศิษฐ์ กล่าวอีกว่า บมจ.ทรีนีตี้ วัฒนา ยังคงมุ่งมั่นในการสร้างผลตอบแทนที่ดี และให้บริการกับนักลงทุนแบบครบวงจร และเพื่อเตรียมพร้อมในการทำธุรกิจในปี 2568 คณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติปรับโครงสร้างทุนเพื่อความแข็งแกร่ง โดยมีมติให้โอนเงินสำรองตามกฎหมายที่มีอยู่ 100.59 ล้านบาท มาชดเชยการขาดทุนสะสมของบริษัทจำนวน 86.58 ล้านบาททำให้มีเงินสำรองคงเหลือจำนวน 14.01 ล้านบาท เพื่อเตรียมตัวสำหรับการจ่ายเงินปันผลในอนาคตและได้อนุมัติให้ลดทุน จดทะเบียน โดยตัดหุ้นส่วนที่ยังไม่เรียกชำระจำนวน 111.83 ล้านหุ้น คิดเป็นจำนวนเงิน 559.19 ล้านบาท หรือลดจากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 1,631.21 ล้านบาท เหลือ 1,072.02 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 214.40 ล้านหุ้น โดยมีมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท
นอกจากนี้คณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 1,072.02 ล้านบาท เป็น 1,447.23 ล้านบาท หรือเพิ่มทุนจำนวน 375.20 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 75.04 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท เพื่อรองรับการแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิ์ (วอร์แรนต์) TNITY-W2 เป็นหุ้นสามัญ โดยบริษัทจะออกให้ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท จำนวน 53.60 ล้านหน่วย อายุ 2 ปีในอัตราจัดสรร 4 หุ้นสามัญต่อ 1 TNITY-W2 อัตราการแปลง 1 ต่อ 1 ราคาแปลงสภาพ 5 บาทต่อหุ้น
ขณะเดียวกันหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 21.44 ล้านหุ้น หรือ 107 ล้านบาทจะเสนอขายให้กับนักลงทุนเฉพาะเจาะจง (PP) เพื่อที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งทางด้านฐานทุน รวมไปถึงการหาพันธมิตรที่จะเข้ามาช่วยเพิ่มศักยภาพของบริษัทให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น ซึ่งการเสนอขายขึ้นอยู่กับการพิจารณาของบริษัทในระยะเวลาที่เหมาะสม โดยแผนการปรับโครงสร้างทุนครั้งนี้ จะนำเสนอเพื่อขอมติอนุมัติต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 25 เมษายน 2568
“เงินทุนที่ได้รับทั้งจากการใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทตามใบสําคัญแสดงสิทธิฯ TNITY-W2 และเงินจากการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนบุคคลในวงจํากัด จะนำมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทและบริษัทย่อย และเป็นเงินลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพในอนาคต ซึ่งจะช่วยให้บริษัทมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นและมีรายได้จากการลงทุนเพิ่มขึ้น โดยจะส่งผลดีต่อผลการดําเนินงานและการดําเนินธุรกิจของบริษัทในอนาคต”