UBS มองบวก หุ้นไทย แนะ 'เพิ่มสัดส่วนลงทุน' คาด AOT อัพไซด์ 77%

UBS ยกระดับมุมมองหุ้นไทยจาก "Neutral" เป็น "Overweight" พร้อมแนะนำ 8 หุ้นดาวรุ่ง โดยเฉพาะ AOT ที่มีศักยภาพเติบโตโดดเด่นสูงถึง 77% จากราคาปัจจุบัน ด้วยปัจจัยสนับสนุนจากมูลค่าหุ้นที่ต่ำกว่าช่วงโควิด ขณะที่ ROE และ ROIC ยังแข็งแกร่ง
Union Bank of Switzerland หรือ UBS ธนาคารเพื่อการลงทุนและบริษัทบริการทางการเงินระดับโลก ออกบทวิเคราะห์แบบสั้นเมื่อวันที่ 19 มี.ค. โดยเนื้อหาส่วนหนึ่งระบุว่า ธนาคารได้ปรับมุมมองต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยจาก "Neutral" เป็น "Overweight" หรือแนะนำให้เพิ่มสัดส่วนการลงทุน โดยมีเหตุผลสนับสนุนหลัก 3 ประการ ได้แก่
- หุ้นไม่แพง: มูลค่าหุ้นไทยอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับช่วงวิกฤติโควิด ในขณะที่อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) และผลตอบแทนจากเงินลงทุน (ROIC) ยังคงแข็งแกร่งเทียบเท่าประเทศอื่นในอาเซียน
- แนวโน้มเติบโตดี: แนวโน้มการปรับประมาณการกำไรและ ROE เป็นบวก รวมถึงปัจจัยสนับสนุนทางเทคนิคจากตลาดหลักทรัพย์ไทยที่จะช่วยลดแรงกดดันจากการขายหุ้นระยะยาว
- ตลาดรับรู้ข่าวร้ายมากแล้ว: ผลกระทบจากการลดอันดับความน่าสนใจของหุ้น DELTA ได้สะท้อนในราคาตลาดแล้ว
หุ้นที่ UBS แนะนำรวบรวมโดยกรุงเทพธุรกิจ (19 มี.ค. 2568)
ทั้งนี้ UBS ยังได้คัดเลือก 8 หุ้นที่มีศักยภาพสูงได้แก่ AOT, CPALL, CRC, KBANK, KTB, PTTEP, PTTGC และ TRUE โดยเฉพาะ AOT ที่มีโอกาสเติบโตโดดเด่นที่สุด ด้วยอัพไซด์มากถึง 77% จากราคาปัจจุบัน และได้รับคำแนะนำ "ซื้อ"
สำหรับ KBANK ได้รับการปรับราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นเป็น 188 บาท จากเดิม 176 บาท โดยคาดว่าจะมีศักยภาพในการจ่ายเงินปันผลประมาณ 12.5 บาทต่อปีไปจนถึงปี 2030
นอกจากนี้ เครื่องมือวิเคราะห์ “HOLT” ของ UBS ยังชี้ว่า หุ้นกลุ่มการเงินและวัสดุมีราคาที่น่าดึงดูดที่สุด โดยค่า MIY (Market Implied Yield) ของไทยปัจจุบันอยู่ที่ 6.3% ลดลงจาก 3.9% ในกลางปี 2022 ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่มีนาคม 2020 ช่วงเริ่มต้นของการระบาดใหญ่ของโควิด-19
ทั้งนี้ เครื่องมือวิเคราะห์ "HOLT" คือโมเดลและชุดเครื่องมือการวิเคราะห์ทางการเงินที่พัฒนาโดย Credit Suisse และปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ UBS หลังจากที่ UBS ได้เข้าซื้อกิจการของ Credit Suisse
HOLT มีลักษณะเด่นดังนี้:
- เป็นเครื่องมือที่ใช้วิเคราะห์มูลค่าที่แท้จริงของบริษัท โดยเน้นที่กระแสเงินสดและผลตอบแทนจากการลงทุน
- ใช้หลักการของ CFROI (Cash Flow Return on Investment) หรือผลตอบแทนจากกระแสเงินสดต่อการลงทุน ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่มีประสิทธิภาพในการวัดผลการดำเนินงานของบริษัท
- MIY (Market Implied Yield) เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดของ HOLT ที่แสดงถึงอัตราผลตอบแทนที่ตลาดคาดหวังจากหุ้นนั้นๆ