หุ้นไทยวันนี้ (21 มี.ค.) ปิดตลาดหุ้น บวก 4.90 จุด ปรับพอร์ตของดัชนี FTSE

หุ้นไทยวันนี้ (21 มี.ค.) ปิดตลาดหุ้น บวก 4.90 จุด ปรับพอร์ตของดัชนี FTSE

หุ้นไทยวันนี้ (21 มี.ค.) ปิดตลาดหุ้นไทย เย็นอยู่ที่ 1,186.61 จุด เพิ่มขึ้น 4.90 จุด หรือ 0.41% โบรกฯ ชี้ ดัชนีฯ ปรับตัวขึ้นแต่ในลักษณะหุ้นไทยผันผวน หลังมีการปรับพอร์ตดัชนี FTSE

หุ้นไทยวันนี้ (21 มี.ค.) ตลาดหุ้นไทย ปิดเย็นอยู่ที่ 1,186.61 จุด เพิ่มขึ้น 4.90 จุด หรือ 0.41% โดย ดัชนีหุ้นไทย เคลื่อนไหวผันผวนทั้งวัน ซึ่งทำจุดสูงสุดอยู่ที่ 1,190.62 จุด จุดต่ำสุดอยู่ที่ 1,180.49 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 47,176.76 ล้านบาท

หุ้นไทยวันนี้ (21 มี.ค.) ปิดตลาดหุ้น บวก 4.90 จุด ปรับพอร์ตของดัชนี FTSE ภาวะหุ้นไทยวันนี้ (21 มี.ค.)

หุ้นไทยวันนี้ 21 มี.ค.68 ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่

  1. KTB ราคาปิด 24.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 2.13% มูลค่าซื้อขาย 3,442.44 ล้านบาท
  2. ADVANC ราคาปิด 268.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 0.75% มูลค่าซื้อขาย 2,607.47 ล้านบาท
  3. PTT ราคาปิด 31.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 3.25% มูลค่าซื้อขาย 2,601.35 ล้านบาท
  4. TTB ราคาปิด 1.94 บาท เพิ่มขึ้น 0.02 บาท หรือ 1.04% มูลค่าซื้อขาย 2,175.77 ล้านบาท
  5. KBANK ราคาปิด 164.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท หรือ 2.18% มูลค่าซื้อขาย 1,997.16 ล้านบาท

 

หุ้นไทยผันผวน แรงซื้อช่วงเช้าหายไปในช่วงบ่าย จับตามาตรการทรัมป์ต้นเดือนเม.ย.

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ลิเบอเรเตอร์ ให้ความเห็นว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้มีความผันผวน โดยช่วงเช้ามีแรงซื้อหนุนให้ดัชนีปรับตัวขึ้น แต่ช่วงบ่ายมีแรงขายกดดันจนดัชนีกลับมาอยู่ในแดนลบ

ปัจจัยหนุนช่วงเช้า

นายวิจิตรระบุว่า ปัจจัยที่หนุนตลาดในช่วงเช้ามีสองประการหลัก ได้แก่ (1) กระแสข่าวเรื่องการควบรวม ธนาคารกรุงไทย (KTB) กับ ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) แม้ว่าภายหลังจะมีการปฏิเสธข่าวดังกล่าวแล้วก็ตาม (2) ตัวเลขการส่งออกเดือนกุมภาพันธ์ที่ขยายตัวถึง 14% สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้มาก

อย่างไรก็ตาม ในช่วงบ่ายตลาดมีการปรับตัวลง ซึ่งนอกจากการปฏิเสธข่าวการควบรวมธนาคารแล้ว ยังมีปัจจัยเพิ่มเติมคือการปรับพอร์ตของดัชนี FTSE ที่ต้องทำให้เสร็จสิ้นภายในวันนี้ ทำให้มีความผันผวนในช่วงท้ายตลาด

แนวโน้มสัปดาห์หน้าและประเด็นที่ต้องจับตา

สำหรับแนวโน้มตลาดในสัปดาห์หน้า นายวิจิตรมองว่า ตลาดจะยังคงแกว่งตัวในกรอบระหว่าง 1,160-1,200 จุด โดยมีแนวรับสำคัญที่ 1,180 จุด โดยประเด็นสำคัญที่ต้องจับตาในสัปดาห์หน้า นายวิจิตรระบุว่ามี 3 เรื่องหลัก ได้แก่

  1. ตัวเลขเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นดัชนีที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ใช้เป็นเครื่องมือในการพิจารณานโยบายอัตราดอกเบี้ย
  2. มาตรการทางการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์ที่จะประกาศในช่วงต้นเดือนเมษายน
  3. ประเด็นการเมืองในประเทศ โดยเฉพาะการอภิปรายในสภาที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า

คำแนะนำการลงทุน

นายวิจิตรแนะนำให้นักลงทุนระมัดระวังในการลงทุน โดยเฉพาะหากดัชนีหลุดระดับ 1,160 จุด แต่หากดัชนียังแกว่งตัวในกรอบ 1,160-1,200 จุด ก็ยังสามารถเก็งกำไรได้ โดยเน้นใช้จังหวะที่ตลาดปรับตัวลงเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ

สำหรับหุ้นที่น่าสนใจ นายวิจิตรแนะนำให้เน้นหุ้นกลุ่มส่งออกที่มี Valuation ในระดับต่ำและมีปัจจัยบวกด้านการฟื้นตัวของการส่งออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากตัวเลขการส่งออกเดือนกุมภาพันธ์ที่ออกมาดีกว่าคาด และค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลง ซึ่งเป็นผลดีต่อผู้ส่งออก

โดยหุ้นที่นายวิจิตรแนะนำเป็นพิเศษ ได้แก่ CPF (บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด) ซึ่งมีอัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E) ไม่สูง และได้ประโยชน์จากราคาหมูในประเทศและหมูเวียดนามที่ปรับตัวขึ้น ขณะที่ต้นทุนสินค้าเกษตรลดลง และหุ้นกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยง ซึ่งยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี และราคาปรับตัวลงมาอยู่ในโซนล่างแล้ว โดยเฉพาะ TLUXE (บริษัท ไทยลักซ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด)